นางสาวศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ได้ส่งผลเสียหายแก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันยังมีจังหวัดที่ประสบเหตุอุทกภัยทั้งสิ้น ๒๘ จังหวัด ๒๐๑ อำเภอ ๑,๔๘๖ ตำบล ๑๑,๒๐๘ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๘๒๖,๓๗๗ ครัวเรือน ๒,๖๐๔,๒๒๐ คน รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงรับผิดชอบติดตามการกู้วิกฤติจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน โดยในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ นำโดยรมว.พม. (นายสันติ พร้อมพัฒน์) ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแต่ละเขตพื้นที่ และได้ลงไปตรวจเยี่ยมและกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอุทกภัยด้วยตนเองตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายใน ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก และนครสวรรค์ รวมทั้งได้กำหนดมาตรการแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู ผู้ประสบอุทกภัย ภายใต้ภารกิจของกระทรวง โดยบูรณาการความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมีผลการดำเนินงานใน ๔ ระยะ คือ ระยะบรรเทาทุกข์ ระยะช่วยเหลือและฟื้นฟู ระยะฟื้นฟูและพัฒนาผู้ประสบภัย และระยะป้องกันและเตรียมความพร้อม เช่น การใช้ศูนย์ประชาบดี ๑๓๐๐ ทั่วประเทศ เป็นช่องทางรับแจ้งเหตุ ความต้องการ ประสานส่งต่อการช่วยเหลือ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ และให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ ในการออกหน่วยเคลื่อนที่ เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้ประสบภัย การมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวแก่ผู้ประสบภัย และได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมแก่หน่วยงานในสังกัด ในจังหวัดที่ประสบอุทกภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อน กรณีเร่งด่วนเบื้องต้นเฉพาะหน้า เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท การจัดทำแผนฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำลด ตามหลัก “๓ ส สร้างสุข สร้างรายได้ และเสริมสร้างคุณภาพชีวิต” ได้แก่ การฝึกอาชีพระยะสั้น การช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์เพื่อบรรเทาภาวะวิกฤตเฉพาะหน้าแก่นักเรียน นักศึกษาที่บิดามารดา หรือผู้เลี้ยงดูครอบครัวเสียชีวิตจากภัยพิบัติ เป็นต้น
นางสาวศรีญาดา กล่าวต่อว่า กระทรวงฯ พร้อมที่จะให้การดูแลช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยทุกคน โดยกำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ดูแลกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการอย่างใกล้ชิดด้วย และหากพบว่ามีราษฎรที่มีความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย ก็จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีไป สำหรับในวันนี้ ลงพื้นที่มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และผู้รับบริการที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัด ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยด้วยเช่นเดียวกัน โดยจะได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้รับบริการ จำนวน ๑๗๓ ชุด พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมพื้นที่โดยรอบที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยนี้ด้วย
ทั้งนี้ สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ เดิมชื่อสถานสงเคราะห์หญิงบ้านเกร็ดตระการ จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๐๓ตามพระราชบัญญัติปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.๒๕๐๓ เพื่อให้ความคุ้มครองหญิงที่มีอายุไม่เกิน ๑๘ ปี โดยให้การบำบัด ฟื้นฟู และพัฒนาอาชีพ แก่ผู้ที่ประสบปัญหา เช่น เด็กที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จากการถูกหลอกมาบังคับใช้แรงงาน ถูกบังคับหรือแสวงหาประโยชน์ในธุรกิจบริการทางเพศ หรือเป็นขอทาน ทั้งที่เป็นชาวไทยและต่างชาติ โดยสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลเด็กดังกล่าว ปัจจุบันมีจำนวนผู้รับบริการปัจจุบัน จำนวน ๑๗๓ ราย (ไทย ๕๑ คน กัมพูชา ๑๕ คน พม่า ๑๙ คน ลาว ๘๘ คน).