การปรับเพิ่มของอันดับเครดิตของ KEST สะท้อนถึงประโยชน์จากความร่วมมือในการดำเนินงานระหว่าง KEST กับผู้ถือหุ้นรายใหม่คือกลุ่ม Malayan banking Berhad หรือ Maybank (อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ A- แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) และการที่ KEST น่าจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ที่มีความแข็งแกร่ง
การเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานเชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม Maybank ที่จะขยายตัวเป็นกลุ่มการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสิ้นปี 2558 ในเดือนกรกฎาคม 2554 Mayban IB Holdings Sdn Bhd หรือ MIB (ชื่อเดิม Aseam Credit Sdn Bhd) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย Maybank เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Kim Eng Holdings Limited หรือ KEH ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในขณะนั้นถือหุ้นในสัดส่วน 55.75% ใน KEST และได้เข้าซื้อหุ้นโดยตรงของ KEST ในสัดส่วน 28% ส่งผลให้กลุ่ม Maybank มีสัดส่วนการถือหุ้น 84% ใน KEST ในปัจจุบัน
KEST เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มนักลงทุนรายย่อย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงสุดที่ 11.5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนธุรกิจของกลุ่ม Maybank ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ขณะนี้กลุ่ม Maybank ได้มุ่งเน้นที่จะทำการควบรวมการดำเนินงานกับ KEST โดยเน้นการขยายบริการทางการเงินข้ามประเทศและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินร่วมกัน และรวมทั้งเน้นในการควบคุมดูแลการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบของธนาคารแม่ด้วย
KEST มีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2553 และครึ่งแรกของปี 2554 ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีปริมาณสูงขึ้น KEST จะยังคงมุ่งเน้นธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และการจำกัดสัดส่วนการทำลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ในขณะที่จะเน้นการเติบโตของธุรกิจวาณิชธนกิจที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือกับกลุ่ม Maybank เงินกองทุนของ KEST ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุน (NCR) อยู่ที่ 92% ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปี 2554 เทียบกับ 96% ณ สิ้นปี 2553 การรวมกลุ่มกับ Maybank น่าจะช่วยส่งเสริมในธุรกิจวาณิชธนกิจของ KEST และช่วยลดความกังวลจากความผันผวนทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดเสรีค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์เต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป และ การปรับตัวลดลงของอัตราส่วนสภาพคล่องในช่วงที่ธุรกิจมีการเติบโตสูง
แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงแนวโน้มเครดิตของ Maybank อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KEST ต่ำกว่า อันดับเดรดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ Maybank อยู่ 2 อันดับและเป็นอันดับเครดิตที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทย การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ KEST อาจเกิดขึ้นได้หากมีการแสดงให้เห็นถึงการที่ KEST ได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารแม่ อาทิ การค้ำประกันเงินกู้ หรือการได้รับวงเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องโดยตรงจากธนาคารแม่ การเปลี่ยนแปลงใดๆในโครงสร้างการถือหุ้นของ Maybank รวมทั้งนโยบายการสนับสนุนของ Maybank ที่มีต่อ KEST อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ KEST ได้เช่นกัน
Maybank เป็นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย และมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมใน 17 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึง ประเทศสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยมีขนาดของสินทรัพย์รวม 136.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปี 2554 Maybank เน้นกลุ่มลูกค้าสินเชื่อรายย่อยและธุรกิจขนาดใหญ่และมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ หน่วยงานรัฐและกองทุนของรัฐบาลมาเลเซียถือหุ้นเกือบ 70% ของ Maybank
อันดับเครดิตของบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน):
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ปรับเพิ่มขึ้นเป็น ‘AA-(tha)’ จาก ‘A(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ปรับเพิ่มขึ้นเป็น ‘F1+(tha)’จาก ‘F1(tha)’
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของโปรแกรมตั๋วแลกเงินระยะสั้นไม่มีหลักประกัน ปรับเพิ่มขึ้นเป็น ‘F1+(tha)’ จาก ‘F1(tha)’