เจ็ทสตาร์ เจแปนประกาศความสำเร็จในการดำเนินการเพื่อก้าวสู่ความเป็น สายการบินต้นทุนต่ำชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีความคืบหน้าหลายประการ ล่าสุด ประกาศแต่งตั้งมิสมิยูกิ ซูซูกิ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเพื่อดูแลและควบคุมการดำเนินงานของบริษัท
ทั้งนี้ การประกาศแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการของเจ็ทสตาร์ เจแปนในกรุงโตเกียวเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าและการเตรียมความพร้อมในการเริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินในประเทศในปลายปี 2555
ในโอกาสนี้ มร. บรูซ บิวคานัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ็ทสตาร์ กรุ๊ป กล่าวในนามของคณะกรรมการ
สายการบินเจ็ทสตาร์ เจแปน กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มิสมิยูกิ ซูซูกิได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนื่องจากมิสซูซูกิเป็นผู้ที่มีความเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังมีประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ มานานเกือบ 30 ปี โดยเคยดำรงตำแหน่งระดับอาวุโสของบริษัทข้ามชาติหลากหลายแห่งในภูมิภาคเอเชีย ทั้งยังมีประสบการณ์การทำงานในอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ ที่มีการผ่อนคลายระเบียบการกำกับควบคุมต่างๆ (deregulation) และด้วยความเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมหลากหลายแขนง จะทำให้มิสซูซูกิสามารถนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ขับเคลื่อนเจ็ทสตาร์ เจแปนให้มีการดำเนินงานที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้าได้อย่างแน่นอน”
“นวัตกรรมมีความสำคัญต่อเจ็ทสตาร์ เจแปนเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยบริหารจัดการต้นทุน และทำให้ค่าโดยสารในตลาดการบินภายในประเทศมีราคาประหยัดกว่าค่าโดยสารทั่วไปไม่น้อยกว่าร้อยละ 40” มร. บิวคานัน กล่าวเสริม
ทั้งนี้ มิสซูซูกิจะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2554 เป็นต้นไป เธอกล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลและบริหารเจ็ทสตาร์ เจแปน เพื่อสร้างสรรค์มิติใหม่ของการเดินทาง ทางอากาศที่ล้ำสมัยและประหยัดมากขึ้นให้แก่ผู้โดยสารชาวญี่ปุ่นจำนวนหลายล้านคน” และเสริมว่า “เจ็ทสตาร์ กรุ๊ป คือ กลุ่มสายการบินชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกที่ให้บริการเที่ยวบินที่ปลอดภัย และมีราคาประหยัด ดิฉันจึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจ็ทสตาร์ เจแปน ทั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่เจ็ทสตาร์ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของญี่ปุ่นที่ได้มีการผ่อนคลายระเบียบข้อบังคับต่างๆ อันส่งผลให้มีการขยายการลงทุนได้มากขึ้น และจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม”
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินงานด้านอื่นๆ ได้แก่ การจดทะเบียนจัดตั้งสายการบินเจ็ทสตาร์ เจแปนอย่างเป็นทางการ และการรับมอบเงินลงทุนจากพันธมิตรทั้ง 3 ราย ได้แก่ สายการบินเจแปนแอร์ไลน์ส บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น และแควนตัส (เจ็ทสตาร์) กรุ๊ป โดยเจ็ทสตาร์ เจแปนตั้งเป้ามีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นสูงถึง 12,000 ล้านเยน
นอกจากนี้ การเจรจากับซัพพลายเออร์สและพันธมิตรต่างๆ อาทิ สนามบินหลายแห่งในประเทศญี่ปุ่น มีความคืบหน้าด้วยดี ขณะที่สายการบินใหม่ดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีในวงกว้างในประเทศญี่ปุ่น
เกี่ยวกับเจ็ทสตาร์ เจแปน
เจ็ทสตาร์ เจแปน คือ สายการบินค่าโดยสารราคาประหยัด มีกำหนดเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศญี่ปุ่นในปลายปี 2555 และเตรียมให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศระยะใกล้เริ่มตั้งแต่ปี 2556 โดยในระยะแรก เจ็ทสตาร์ เจแปนจะให้บริการรับส่งผู้โดยสารด้วยฝูงบินแอร์บัส เอ320 ใหม่ ความจุ 180 ที่นั่งจำนวน 3 ลำ และฝูงบินดังกล่าวจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 24 ลำภายในระยะเวลา 2 — 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เจ็ทสตาร์ เจแปนเตรียมประกาศรายชื่อจุดหมายปลายทางของเส้นทางบินภายในประเทศในกลางปี 2555 โดยคาดว่าจะครอบคลุมเมืองสำคัญต่างๆ อาทิ ซัปโปโร ฟูคูโอกะ และโอกินาวา เจ็ทสตาร์ เจแปน คือ สายการบินที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างแควนตัส กรุ๊ป สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ (หรือเจเอแอล)และบริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น
เกี่ยวกับเจ็ทสตาร์
เจ็ทสตาร์ คือ เครือข่ายการบินด้วยค่าโดยสารราคาประหยัดขนาดใหญ่สุดและมีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เจ็ทสตาร์มี พันธกิจมุ่งเน้นมอบค่าโดยสารราคาประหยัดในทุกๆ วัน เพื่อให้ผู้คนสามารถเดินทางสู่จุดหมายปลายทางต่างๆ ได้มากขึ้นและบ่อยขึ้น เจ็ทสตาร์ กรุ๊ปประกอบด้วยสายการบินเจ็ทสตาร์ออสเตรเลีย สายการบินเจ็ทสตาร์นิวซีแลนด์ สายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชียที่มีฐาน การดำเนินงานอยู่ในประเทศสิงคโปร์ และสายการบินเจ็ทสตาร์แปซิฟิกที่มีฐานการดำเนินงานอยู่ในประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ เจ็ทสตาร์ยังเป็นสายการบินค่าโดยสารราคาประหยัดที่มีรายได้สูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และนับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2547 เป็นต้นมา ได้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารรวมทั้งสิ้นกว่า 75 ล้านคน ปัจจุบัน เจ็ทสตาร์ให้บริการเที่ยวบินรวมทั้งสิ้นสัปดาห์ละ 3,000 เที่ยวสู่จุดหมายปลายทาง 56 แห่งใน 17 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีฝูงบินรวม 80 ลำ และมีพนักงานมากกว่า 7,000 คนในภูมิภาคดังกล่าว