ดร. นลินีกล่าวว่า ได้หารือประเด็นเศรษฐกิจการค้าเชิงนโยบายกับนายอนันท์ ชาร์มา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดีย โดยนายชาร์มาให้ความสำคัญมากในการเสริมสร้างการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับไทยและอาเซียนให้แน่นแฟ้นอย่างจริงจังตามนโยบายมองตะวันออกของอินเดีย ซึ่งตนเห็นว่าสอดคล้องกับนโยบายมองตะวันตกของไทย นอกจากนี้ อินเดียได้ผลักดันให้ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีทั้งการค้าบริการและการลงทุนโดยเร็ว อีกทั้ง เสนอให้มีการร่วมลงนามพิธีสารระหว่างกัน เพื่อเป็นกลไกเสริมสร้างศักยภาพ และขยายการค้าและการลงทุนระหว่างอินเดียกับไทย และกับอาเซียนให้มากขึ้น
ปัจจุบันอินเดียให้ความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียเพื่อยกระดับเศรษฐกิจให้มีความทัดเทียมทั้งประเทศ โดยมีมาตรการส่งเสริมการค้าและการลงทุน และพยายามผลักดันให้มีกิจกรรมส่งเสริมการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดการร่วมลงทุนจากต่างชาติ ตนเห็นว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียเป็นตลาดที่ไทยมีโอกาสสูงในการร่วมลงทุน โดยเฉพาะสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ ไฟฟ้าพลังน้ำ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน ถ่านหิน ป่าไม้ และการท่องเที่ยว รวมทั้ง การก่อสร้างโครง สร้างสาธาณูปโภคพื้นฐาน อาทิ ถนน และเขื่อน โดยพื้นที่ดังกล่าวต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ไทยโดยมีพม่าคั่น จึงเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการรุกตลาดใหม่ในภาคอีสานของอินเดีย เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบ และใช้เป็นประตูการค้ากระจายสินค้าไทยสู่ประเทศจีน บังคลาเทศ พม่า เนปาล และภูฏาน ดร.นลินีกล่าวเสริม
นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียส่งเสริมการเชื่อมต่อและพัฒนาทางหลวงเอเชียนไฮเวย์ที่เชื่อมระหว่างอินเดีย ไทย และพม่าซึ่งมีความสำคัญต่อระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ตนเห็นว่า เส้นทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยเป็นกลไกอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ และสามารถขยายโอกาสทางเศรษฐกิจการค้าไปยังตลาดภาคอีสานของอินเดียอย่างยั่งยืนต่อไป ซึ่งไทยได้เสนอให้มีการเชื่อมเส้นทางบินโดยเปิดโอกาสให้สายการบินต้นทุนต่ำมาร่วมลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและบริการ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับภาคอีสานของอินเดีย
ทีทีอาร์ เผยต่อว่า ตนได้หารือกับทาทากรุ๊ป จินดอลกรุ๊ป มหินทรา เอ็นไอไอที ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สำคัญอันดับต้นของอินเดีย และอีก 3 สมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมหลักของอินเดีย โดยได้รับความสนใจอย่างจริงจังในการร่วมลงทุนในรูปแบบจอยท์เวนเจอร์กับไทย เพื่อใช้ประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับไทย และการเป็นตลาดเดียวของอาเซียนที่จะมีขึ้นในปี 2558 ตลอดจนมุ่งขยายฐานการลงทุนไปสู่ประเทศที่สามในภูมิภาคแอฟริกา และลาตินอเมริกาต่อไป โดยทาทากรุ๊ปและจินดอลกรุ๊ป พร้อมจะร่วมลงทุนกับไทยหลายสาขา อาทิ พลังงานน้ำ พลังงานทดแทน ก๊าซ และเหมืองแร่ โดยเห็นว่าไทยมีแหล่งน้ำที่มีศักยภาพใน การผลิตไฟฟ้าเพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคงด้านพลังงาน นอกจากนี้ สนใจเข้ามาร่วมลงทุนในไทยมากขึ้นในอุตสาหกรรมเหล็ก เพื่อเป็นวัตถุดิบอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนประกอบของไทย
นอกจากนี้ จินดอลกรุ๊ป สนใจจะลงทุนในอุตสาหกรรมซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในไทย และพร้อมร่วมลงทุนกับไทยเพื่อขยายการลงทุนในประเทศที่สาม อาทิ ธุรกิจก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งใช้นวัตกรรมวัสดุรีไซเคิลเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนนและทางด่วน โดยมีนวัตกรรมการสร้าง “ถนนพลาสติก” ซึ่งมีความทนทานสูงในขณะที่ต้นทุนต่ำกว่าเดิมประมาณร้อยละ 50 ทั้งนี้ ทาทากรุ๊ป ให้ความสนใจอย่างมากที่จะร่วมทุนกับไทยในประเทศที่สามด้วยเช่นกัน เพื่อการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบร่วมกัน
ทีทีอาร์กล่าวเสริมว่า สำหรับบริษัทเอ็นไอไอที มหินทรา และทาทากรุ๊ป สนใจจะร่วมลงทุนกับไทยในอุตสาหกรรมนวัตกรรมซอฟแวร์ ซึ่งอินเดียมีศักยภาพและเชี่ยวชาญสูงในการจัดทำซอฟแวร์ต่างๆ ตลอดจนหลักสูตรการเรียนการสอนแบบ e-learning และ e-government สำหรับระบบราชการ รวมทั้งประสบความสำเร็จในโครงการแท็บเล็ตเพื่อพัฒนาระบบการศึกษา โดยพร้อมร่วมมือกับไทยในการพัฒนานวัตกรรมซอฟแวร์ จึงเป็นโอกาสในการเสริมสร้างศักยภาพด้านบุคลากรและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมซอฟแวร์ของไทย และเป็นประโยชน์ต่อโครงการแท็บเล็ตพีซีของไทยเพื่อพัฒนาระบบการศึกษาตามนโยบายรัฐบาล
ดร. นลินี เน้นย้ำว่า อินเดียพร้อมจะร่วมมือกับไทยอย่างจริงจังในการริเริ่มโครงการบ่มเพาะนักธุรกิจและ นักลงทุนรุ่นใหม่ไทย-อินเดีย โดยให้เยาวชนไทยและอินเดียเข้ารับการศึกษาและฝึกอบรมด้านการค้าระหว่างประเทศและวัฒนธรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคย และมีปฏิสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น รวมทั้ง มีความเข้าใจตลาดของทั้งสองฝ่าย อันจะนำไปสู่การสร้างเครือข่ายทางการค้า และการลงทุนระหว่างกันอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นประโยชน์อย่างสูงต่อการขยายการค้าการลงทุนเชิงรุกและเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ผู้แทนระดับสูงของบริษัท จินดอลกรุ๊ปพร้อมสนับสนุนให้ทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยในเครือจินดอลกรุ๊ปแก่นักศึกษาไทยในสาขาวิศวกรรม ซึ่งจะช่วยสานต่อเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ไทย-อินเดียจากรุ่นสู่รุ่นในระยะยาว
ขณะนี้นักลงทุนอินเดียให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในการร่วมลงทุนและขยายการค้าไปยังตลาดโลกมาก รวมทั้งเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทย ในฐานะผู้แทนการค้าไทยจึงได้ส่งเสริมให้อินเดียใช้ไทยเป็นประตูการค้าสู่ตลาดอาเซียน และอินเดียจะเป็นประตูการค้าสู่เอเชียใต้เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งนักลงทุนไทยและอินเดียจะได้ใช้ประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดอย่างเต็มที่ในการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจการค้าร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป ดร. นลินีกล่าว