นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2554 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 7,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 443 ล้านบาท หรือ 6.05% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 2,245 ล้านบาท หรือ 40.70% โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ และการจัดการโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินให้สอดคล้องกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ทำให้ในไตรมาสนี้มีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin :NIM) อยู่ที่ระดับ 3.65% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิยังคงรักษาระดับการเติบโต ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในเชิงรุกแบบเป็นเครือ ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity)
สำหรับกำไรสุทธิงวด 9 เดือน ปี 2554 จำนวน 21,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 6,428 ล้านบาท หรือ 43.54% ซึ่งปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานที่ดีเกิดจากการขยายตัวของธุรกิจหลัก ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 21.30% และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นถึง 25.46% โดยเป็นรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น 19.80% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากค่าธรรมเนียมรับเกี่ยวกับบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมรับจาก บลจ.กสิกรไทย ที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจจัดการกองทุนรวม รวมถึงค่าเบี้ยประกันภัยรับสุทธิจาก บจก.เมืองไทยประกันชีวิต ที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิต ในขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency Ratio) อยู่ที่ 45.11% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 49.84%
ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 เครือธนาคารกสิกรไทยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 1,777,794 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อจำนวน 1,199,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 32,039 ล้านบาท หรือ 2.75% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของ เงินให้สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ และเงินให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL Gross) อยู่ที่ระดับ 2.25% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ระดับ 2.52% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่เป็นแกนสำคัญของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา และยุโรป คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียในปี 2555 ให้เผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้น เครือธนาคารกสิกรไทยจึงยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ผ่านยุทธศาสตร์การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) และการตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยบริการทางการเงินที่ครบวงจรอย่างมีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการให้ความสำคัญในด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง