- เป็นการขยายตัวของธุรกิจประกันชีวิตร้อยละ 15.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน 27,780 ล้านบาท จากการประกันภัยประเภทสามัญที่ขยายตัวร้อยละ 18.96 เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 23,641 ล้านบาท และการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ขยายตัวร้อยละ 13.93 เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 441 ล้านบาท
- เป็นการขยายตัวของธุรกิจประกันวินาศภัยร้อยละ 17.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน 11,807 ล้านบาท จากการประกันสุขภาพที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 37.25 เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 356 ล้านบาท การประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สินขยายตัวร้อยละ 28.42 เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 1,107 ล้านบาท และการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลขยายตัวร้อยละ 20.95 เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 1,283 ล้านบาท ในขณะที่การประกันภัยรถมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 61.03 ของเบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 7,205 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.17 สอดคล้องกับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งที่กลับมาขยายตัวร้อยละ 26.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้ยอดรวม 8 เดือนของปี 2554 (มกราคม-สิงหาคม) ธุรกิจประกันภัยขยายตัวร้อยละ 13.66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 300,008 ล้านบาท เป็นของธุรกิจประกันชีวิตจำนวน 208,551 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.95 และเป็นของธุรกิจประกันวินาศภัยจำนวน 91,457 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15.30
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าจากสถานการณ์อุทกภัยที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับประชาชนอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลว่าการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของของบริษัทประกันภัย ซึ่งประเด็นดังกล่าวสำนักงาน คปภ. ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า บริษัทประกันภัยจะสามารถบริหารจัดการกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยได้อย่างแน่นอน เนื่องจากภัยส่วนหนึ่งได้มีการ เอาประกันภัยต่อ(Reinsurance) ทั้งในและต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงบริษัทประกันภัยได้มีการตั้งสำรองประกันภัยสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย โดยทั้งธุรกิจประกันภัยมีเงินสำรองประกันภัยจำนวน 1,148,682 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงมีระดับเงินกองทุนที่มั่นคงเพื่อรองรับความผันผวนของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นไว้อีกด้วย โดยเงินกองทุนของธุรกิจประกันภัย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2554 มีจำนวนทั้งสิ้น 265,431 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.52 และขยายตัวจากสิ้นปี 2553 ร้อยละ 12.73 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธุรกิจต้องดำรงตามกฎหมายเท่ากับร้อยละ 846.17 แบ่งเป็น
- เป็นเงินกองทุนของธุรกิจประกันชีวิต จำนวน 191,148 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.82 และขยายตัวจากสิ้นปี 2553 ร้อยละ 7.76 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธุรกิจต้องดำรงตามกฎหมายเท่ากับ ร้อยละ 892.69
- เป็นเงินกองทุนของธุรกิจประกันวินาศภัย จำนวน 74,283 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.50 และขยายตัวจากสิ้นปี 2553 ร้อยละ 9.98 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธุรกิจต้องดำรงตามกฎหมายเท่ากับร้อยละ 746.12
ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แสดงให้เห็นว่าธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนที่เข้มแข็งและเพียงพอในการรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186
…………………………………………………..
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
โทร . 02-513 -1769 02-513-1680