มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. จัดโครงการ "น้ำใจสู่เด็กชายแดนใต้"

พฤหัส ๒๗ ตุลาคม ๒๐๑๑ ๑๐:๕๒
มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. จัดโครงการ “น้ำใจสู่เด็กชายแดนใต้”

เชิญชวนผู้มีจิตเมตตาร่วมช่วยเหลือเด็กกำพร้าจากเหตุความไม่สงบ

มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯ จัดโครงการ “น้ำใจสู่เด็กชายแดนใต้” เชิญชวนผู้มีจิตเมตตาร่วมบริจาคช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบใน จังหวัดชายแดนภาคใต้

ดร.กรรณชฎา พิริยะรังสรรค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีเด็กที่ได้รับผลกระทบและมีชีวิตที่เสี่ยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น และมีเด็กอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องกำพร้าพ่อ แม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา มีเด็กกำพร้าจากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ถึง 4,455 ราย (ข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ) มีผู้เสียชีวิตถึง 4,766 ราย และมีผู้บาดเจ็บสูงถึง 7,808 ราย (ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2554 โดย ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้) ปัจจุบันยังคงมีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีเด็กกำพร้าและครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มจำนวนขึ้น มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. จึงได้จัดโครงการ น้ำใจสู่เด็กชายแดนใต้ เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กในด้านต่างๆ

“โครงการ น้ำใจสู่เด็กชายแดนใต้ เป็นกิจกรรมเพื่อการบำบัดฟื้นฟูเด็กที่มีบาดแผลทางจิตใจในพื้นที่ภาคใต้ ช่วยสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อรับมือกับความเครียดที่ต้องอยู่อาศัยในพื้นที่สถานการณ์ความรุนแรง โดยผู้มีจิตเมตตาสามารถบริจาคเพื่อให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ดังนี้ ช่วยฝึกอบรม พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู เรื่องการให้ความช่วยเหลือเด็กเพื่อรับมือกับปัญหาที่มาจากความบอบช้ำทางอารมณ์ ช่วยให้เด็กได้รับอาหารเสริม อาหารแห้ง ยารักษาโรค และของใช้ที่จำเป็น มอบอุปกรณ์เสริมทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็ก เป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กกำพร้า เพื่อช่วยให้เด็กสามารถศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนอาคารเรียนที่ได้รับความเสียหาย โดยผู้มีจิตเมตตาสามารถบริจาคได้ที่โทรศัพท์ 0-2747-2600 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ccfthai.or.th”

มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯ มีความมุ่งมั่นทุ่มเทในการดูแลและพัฒนาเด็กมาเป็นเวลากว่า 36 ปี โดยมีความปรารถนาให้เด็กไทยได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน 4 ประการ อันได้แก่ 1. สิทธิในการมีชีวิตอยู่รอด และได้รับการดูแลเอาใจใส่ 2.สิทธิในการได้รับการปกป้องคุ้มครองจากภัยต่างๆ 3.สิทธิที่จะได้รับโอกาสในการพัฒนาในทุกๆ ด้าน และ 4.สิทธิที่จะได้รับการมีส่วนร่วม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ ดร.เอ้ สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AI พร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่
๐๙:๐๓ รมว.นฤมล ผลักดันกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
๐๙:๑๖ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต 26 ธันวาคมนี้ ชั้น 7 โซน A เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต
๐๙:๔๗ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน
๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย