ทาวเวอร์ส วัทสัน เผยผลการสำรวจล่าสุดในไตรมาสที่ 3 เอเชียแปซิฟิกและยุโรปแชมป์ซื้อขายกิจการแซงหน้าอเมริกา

พุธ ๐๒ พฤศจิกายน ๒๐๑๑ ๑๐:๓๐
ทาวเวอร์ส วัทสัน (NYSE, NASDAQ:TW) ผู้ให้บริการปรึกษาด้านการบริหารองค์กรระดับโลก เผยผลสำรวจล่าสุด ระบุธุรกิจที่ทำการซื้อกิจการสามารถสร้างผลงานได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอย่างชัดเจน โดยมีดัชนี Global MSCI ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2554 เป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ ข้อมูลจากรายงานผลการซื้อขายรายไตรมาส (Quarterly Deal Performance Monitor: QDPM) ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2554 ชี้ให้เห็นว่าบริษัทในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและยุโรป ที่ทำการซื้อกิจการบริษัทอื่นนั้น มีราคาหุ้นสูงกว่าดัชนี MSCI ในภูมิภาคของตนที่อัตรา 12.7 pp (percentage point) และ 4.8 pp ตามลำดับ ในขณะที่บริษัทผู้เข้าซื้อกิจการในทวีปอเมริกาเหนือ กลับมีราคาหุ้นที่ต่ำกว่าค่าดัชนี MSCI ราว 2.1 pp นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาข้อมูลรวมตลอดปี 2554 จนถึงช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 แล้ว กลุ่มผู้ซื้อกิจการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและยุโรปก็ยังคงทำผลงานได้ดี ด้วยราคาหุ้นที่สูงกว่าดัชนีประจำภูมิภาคของตนราว 5.7 pp และ 5.6 pp ตามลำดับ ส่วนผู้ซื้อกิจการในอเมริกาเหนือ สามารถทำราคาหุ้นให้สูงกว่าดัชนีประจำภูมิภาคได้เพียง 1.8 pp เท่านั้น

จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15 กันยายน 2554 จะเห็นได้ว่ามีข้อตกลงควบรวมหรือซื้อขายธุรกิจรวมแล้ว 161 ธุรกรรมในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งถือว่าไม่แตกต่างจากยอดรวม 163 ธุรกรรม จากไตรมาสเดียวกันในปี 2553

กลุ่มธุรกิจผู้ซื้อกิจการยังแสดงแนวโน้มราคาหุ้นสูงกว่าดัชนี Global MSCI อย่างต่อเนื่อง

งานวิจัยด้านการซื้อขายและควบรวมกิจการชิ้นนี้ จัดทำขึ้นโดย ทาวเวอร์ส วัทสัน ผู้ให้บริการคำปรึกษาชั้นนำ โดยอ้างอิงหลักการมาจากงานวิจัยของโรงเรียนบริหารธุรกิจ Cass Business School ซึ่งได้เริ่มต้นจัดทำขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 เป็นต้นมา เมื่อพิจารณาค่าดัชนี Global MSCI ประจำไตรมาสที่ 3 ของปีนี้แล้ว จะพบว่าธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการมีมูลค่าหุ้นสูงกว่าค่าดัชนีรวมทั่วโลกที่ระดับ 3.5 pp ซึ่งถือว่าเป็นส่วนต่างที่ลดลงจากค่าเฉลี่ยของช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมาเล็กน้อย และมีค่าเท่ากับส่วนต่างเฉลี่ย นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสามารถสร้างมูลค่าหุ้นได้สูงกว่าดัชนี Global MSCI อย่างสม่ำเสมอตลอดช่วง 13 จาก 15 ไตรมาสหลังสุด

การควบรวมกิจการในธุรกิจบางประเภทมีความสำเร็จอย่างดี

การวิเคราะห์สถิติในปีนี้แสดงให้เห็นว่าธุรกิจในกลุ่มพลังงานและวัตถุดิบ ถือเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในการซื้อขายและควบควมกิจการ จากกลุ่มธุรกิจที่ทำการสำรวจทั้งหมด 9 กลุ่ม โดยสองกลุ่มดังกล่าวสามารถทำราคาหุ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มธุรกิจของตนได้ถึง 7.2 และ 6.4 pp ตามลำดับ

การซื้อขายกิจการขนาดใหญ่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนสูงตามไปด้วย

ข้อมูลตลอดปี 2554 แสดงให้เห็นว่าการเจรจาซื้อขายกิจการขนาดใหญ่มีโอกาสประสบความสำเร็จในด้านการเพิ่มมูลค่าหุ้นน้อยกว่าการซื้อขายกิจการขนาดเล็ก บทวิเคราะห์ของทาวเวอร์ส วัทสันระบุว่าบริษัทที่เข้าซื้อกิจการในข้อตกลงที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป สามารถทำราคาหุ้นได้สูงกว่าค่าดัชนีเพียง 2.1 pp ซึ่งถือว่าน้อยกว่าผลตอบแทนจากการควบรวมกิจการขนาดเล็ก หรือหรือที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสามารถทำราคาหุ้นได้สูงกว่าดัชนีถึง 5.2 pp

ดีลยิ่งปิดเร็ว ผลตอบแทนยิ่งสูง

จากการวิเคราะห์ข้อมูลในปี 2554 พบว่าผลงานในตลาดหุ้นและระยะเวลาในการเจรจาควบรวมกิจการ มีความเกี่ยวพันกันโดยตรง กล่าวคือ ยิ่งเจรจาเสร็จสิ้นสมบูรณ์เร็วขึ้นเท่าใด การควบรวมก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนกลับคืนมาได้สูงมากขึ้นเท่านั้น โดยบริษัทที่สามารถเจรจาซื้อกิจการให้ลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำราคาหุ้นได้สูงกว่าดัชนีถึง 5.6 pp ในขณะที่ธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความล่าช้าในการเจรจานั้น มีราคาหุ้นสูงกว่าดัชนีเพียง 2.8 pp

มร.มาร์โค แคสเตอร์ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ทาวเวอร์ส วัทสัน กล่าวว่า “สภาวะผันผวนของตลาดโลกในไตรมาสที่ 3 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสนใจในการซื้อขายหรือควบรวมกิจการเลยแม้แต่น้อย และธุรกิจผู้ซื้อกิจการก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่หุ้นของตนได้เป็นอย่างดี จนอยู่ในระดับที่สูงกว่าดัชนีอย่างต่อเนื่อง”

“ผลงานอันยอดเยี่ยมของธุรกิจผู้ซื้อกิจการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น ถือเป็นแนวโน้มทีดีมาก เรามักจะได้เห็นการควบรวมกิจการข้ามชาติหรือแม้แต่ข้ามภูมิภาคกันเป็นจำนวนไม่น้อยในสองภูมิภาคนี้ ซึ่งการควบรวมกิจการทั้งสองแบบนี้ มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะในด้านการตรวจสอบและประเมินมูลค่าทรัพย์สินในตลาดต่างชาติ และผสมผสานโครงสร้างแรงงานและวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่างกันให้เป็นหนึ่งเดียว ปัจจุบัน เราจึงได้เห็นหลายบริษัทลงมือจัดการกับปมปัญหาเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้การควบรวมกิจการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี”

มร.แคสเตอร์กล่าวเสริมว่า “สำหรับผลงานของธุรกิจผู้ซื้อกิจการที่อยู่ทางฟากอเมริกาเหนือ ที่ทำราคาหุ้นได้สูงกว่าดัชนีเพียง 2.1 pp นั้น ก็ถือว่าเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าการสร้างมูลค่าให้แก่หุ้น ผ่านทางการควบรวมกิจการนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินการของธุรกิจผู้ซื้อกิจการในอเมริกาเหนือก็ยังสามารถทำผลงานสูงกว่าระดับมาตรฐานของดัชนีได้อย่างต่อเนื่องตลอด 15 ไตรมาสหลังสุด ในขณะที่กิจการจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและยุโรปมักจะมีแนวโน้มการผันผวนสูงกว่า”

“ถึงแม้สภาวะเศรษฐกิจโลกจะยังมีการชะลอตัว แต่ผลการศึกษาของเรากลับพบว่าการเจรจาตกลงซื้อขายกิจการจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นหากดำเนินการได้รวดเร็ว โดยการเจรจาที่ยืดเยื้อนั้น มักจะเป็นผลมาจากอุปสรรคในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินก่อนการซื้อขาย และการต่อรองระหว่างทั้งสองฝ่าย เราอาจพูดได้ว่าสภาพตลาดในปัจจุบันนั้น สอดรับเป็นอย่างดีกับการซื้อขายกิจการที่เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว”

กระบวนการตรวจสอบข้อมูลการตกลงซื้อขายกิจการโดยทาวเวอร์ส วัทสัน

? มุ่งเน้นเฉพาะการตกลงที่แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2554 (1 กรกฎาคม — 15 กันยายน)

? ข้อมูลตัวอย่างนำมาศึกษาเปรียบเทียบเป็นรายไตรมาส

? ทุกการตกลงมีมูลค่าตั้งแต่ 100 ล้านดอล่าร์สหรัฐขึ้นไป

? การวิเคราะห์ข้อมูลเกิดจากมุมมองของนักซื้อขายกิจการ

? มูลค่าผลการดำเนินงานคิดจากมูลค่าร้อยละความเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นภายในระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่การประกาศควบรวมกิจการจนถึงวันสิ้นไตรมาส (ไตรมาสที่ 3 ปี 2554)

? ในกรณีที่ผู้เข้าซื้อกิจการมีสัดส่วนการถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ภายหลังการเข้าซื้อกิจการจะไม่ถูกทำมาวิเคราะห์ ดังนั้น จึงไม่พิจารณาในกรณีการเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการในสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย และจะไม่พิจารณาในกรณีที่ผู้เข้าซื้อกิจการถือหุ้นในบริษัทมากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดก่อนการเข้าซื้อกิจการ

? ข้อมูลการตกลงซื้อขายจาก Thomson One Banker

? กรณีการซื้อขายกิจการทั้งหมด 161 ชิ้น

เกี่ยวกับทาวเวอร์ส วัทสัน

ทาวเวอร์ส วัทสัน (NYSE, NASDAQ:TW) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ทำธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการบริหารองค์กร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กร ตลอดจนการบริหารจัดการความเสี่ยงและการลงทุน บริษัทมีที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจำนวน 14,000 คนทั่วโลก เพื่อให้บริการออกแบบโครงสร้างผลตอบแทนและสวัสดิการสำหรับลูกจ้าง การบริหารทรัพยากรบุคคล และโครงสร้างผลตอบแทน ตลอดจนการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงและเงินลงทุน สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.towerswatson.com

ทาวเวอร์ส วัทสัน มีบริการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ การซื้อกิจการตลอดจนการตกลงเงื่อนไขและแนวทางการแก้ปัญหา โดยเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ประกอบการพิจารณามูลค่าทรัพย์สินก่อนการซื้อขายกิจการ ตลอดจนการบูรณาการด้านโครงสร้างแรงงานภายหลังการควบรวมกิจการ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:

คริษฐา (ปุย) คุ้มพงษ์ / ประภาพิศ (อ้อ) จำปี

ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสาร ทาวเวอร์ วัทสัน c/o แฟรนคอม เอเซีย

โทร. 0 2233 4329 แฟกซ์ 0 2236 8030

อีเมล์: [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version