ต่างชาติมั่นใจอุตฯรถยนต์ไทยฟื้นตัวเร็ว

พุธ ๐๒ พฤศจิกายน ๒๐๑๑ ๑๑:๓๑
ฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก เปิดเผยว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในไทยหลายรายจะสามารถกลับมาผลิตรถยนต์ได้อีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้

มร. วิเวก ไวยา ผู้อำนวยการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก ได้ให้ความเห็นว่า บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิจำกัด ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดนั้นคาดว่าจะกระทบกับยอดการผลิตร 10,000-15,000 คัน ในระหว่างที่มีการปิดโรงงานไปกว่า 5 สัปดาห์ ขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ รายใหญ่ในประเทศอย่างโตโยต้าและอีซูซุนั้นได้รับผลกระทบทางอ้อมคือการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต เนื่องจากมีโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมด้วย คาดว่าในส่วนของโตโยต้านั้นจะสูญเสียการผลิตราว 30,000-35,000 คัน ส่วนอีซูซุนั้นจะ สูญเสียการผลิตราว 10,000-15,000 คัน

“และหากผู้ผลิตรถยนต์หลายรายยังไม่สามารถกลับมาผลิตรถยนต์ได้ตามปกติภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ คาดว่าไทยจะสูญเสียกำลังการผลิตรวมประมาณ 80,000-100,000 คัน แต่ก็คาดว่าผู้ผลิตก็น่าจะสามารถกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตทดแทนได้ ด้วยการเพิ่มชั่วโมงการทำงานและใช้กำลังการผลิตในโรงงานทุกแห่งอย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนจนถึงสิ้นปีนี้” มร. ไวยากล่าว

ส่วนผลกระทบต่อการส่งออกในตลาดต่างประเทศนั้น ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีการส่งออกราว 54-55% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ มีการส่งออกในประเทศออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ยุโรป, ตะวันออกกลาง, เม็กซิโก, แอฟริกาใต้ และบรูไน โดยรุ่นรถที่จะถูกส่งออกจากผู้ผลิตในไทยที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ, ซีวิค, ซิตี้ และแอคคอร์ด รวมถึง รถกระบะไฮลักซ์ของโตโยต้าด้วย

ทั้งนี้ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเนื่องจากการเกิดน้ำท่วม เป็นเหตุผลหลักสำหรับผู้ผลิตจำนวนมากที่ต้องหยุดสายการผลิตรถยนต์ จึงได้มีการเสนอแนะแนวทางการฟื้นฟูปัญหาของซัพพลายเชน ด้วยการหาแนวทาง 3 ข้อคือ การเพิ่มระยะเวลาการสต๊อกชิ้นส่วนเพื่อให้ผู้ผลิตมีสต๊อกเพียงพอสำหรับอย่างน้อย 1 เดือน หากมีการหยุดชะงักใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาชิ้นส่วน

การใช้กลยุทธ์การจัดหาชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์หลายแหล่งที่ไม่เพียงแต่จากซัพพลายเออร์หลายบริษัทเท่านั้น แต่ควรจะเลือกใช้ซัพพลายเออร์จากหลายภูมิภาคเพื่อช่วยลดผลกระทบลงหากสถานการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้นอีกครั้ง และสุดท้ายคือการลดความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนด้วยการเลือกสถานที่ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติน้อย

อาทิ ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่นที่ได้ไปลงทุนในต่างประเทศที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติน้อย โดยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศที่ไปตั้งฐานการผลิตราว 80-90% ส่วนชิ้นส่วนอื่น ๆ อาจจะนำเข้าจากญี่ปุ่นหรือประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคแทน

"การผลิตรถยนต์ในประเทศไทย จะได้รับผลกระทบในระยะสั้น ซึ่งเกิดจากการขาดชิ้นส่วนรถยนต์ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำท่วม แต่ไม่ได้มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในระยะกลางถึงระยะยาว ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๐ สะเทือนวงการ หมอต้อย-กิฟฟารีน ทำถึง คว้ารางวัลใหญ่ 3 ปีซ้อน พ่วงติดอันดับ Top 100 ขายตรงโลก
๑๖:๔๗ หอการค้านานาชาติ (ICC) ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั่วโลก
๑๖:๒๘ ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) เดินหน้าบุกตลาด Luxury Villa ครั้งแรก ส่งโครงการใหม่ THE TITLE VILLA ESTELLA NAIYANG (เดอะ ไทเทิล วิลล่า เอสเตลลา ในยาง) ปักหมุด Rare Location ใกล้หาดในยาง
๑๖:๑๖ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ส่งมอบขยะขวดพลาสติกจากโครงการ Office Go Green ให้วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ
๑๖:๕๓ SNPS ต้อนรับนิสิตจุฬาฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้ นวัตกรรมสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
๑๖:๔๑ พักผ่อนสุดชิค สังสรรค์สุดมันส์กับเพื่อนสนิทในแบบที่คุณต้องการกับแพ็กเกจ Bunk Bond ที่อวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ
๑๖:๒๑ ปวดหัวบ่อยๆ อย่าปล่อยผ่าน อาจเป็นสัญญาณเตือน เนื้องอกในสมอง
๑๖:๐๐ สายบิวตี้ต้องมี! เติมความมั่นใจให้ริมฝีปาก แท่งเดียวเอาอยู่ MAKNE LIP DUO TINT FONDUE คอมพลีทลุค ติดทนตลอดวัน
๑๖:๐๙ GPI โชว์ฟีดแบ็ก 'งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46' กวาดยอดจอง 77,379 คัน รายได้จัดงานพุ่ง 10% หนุนแนวโน้มผลงานครึ่งปีแรกสดใส
๑๖:๑๖ ราชินีแห่งหน่อไม้ฝรั่งวัตถุดิบความอร่อยที่ควรลิ้มลอง ณ ห้องอาหารเรดสกาย โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์