โดยในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงให้โอวาทว่า- - “ข้าพเจ้ามีความยินดี ที่ได้มาร่วมในการประชุมใหญ่ครั้งนี้ และได้ทราบว่า สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย มีการพัฒนาการเจริญยั่งยืนมาครบ 36 ปี ทั้งมีความชื่นชม ที่ได้เห็นผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา มาประชุมกันด้วยความพร้อมเพรียง
...อาชีวศึกษาเป็นการศึกษาวิชาชีพทั้งด้านวิชาการและปฏิบัติการ มีความสำคัญยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า การบริหารจัดการอาชีวศึกษาจำต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตบุคลากรด้านวิชาชีพให้มีคุณภาพ มีคุณธรรม อีกทั้งมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และสอดดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว ดังนั้นการประชุมทางวิชาการครั้งนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความสมัครสมานสามัคคี และมีจิตสำนึกในบทบาทหน้าที่แล้ว ยังได้รับความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการอาชีวศึกษาอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนความรู้ความคิด ตลอดจนประสบการณ์ต่อกัน อันจะเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งในการปฏิบัติหน้าที่การงาน และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ จึงหวังว่า ทุกท่านทุกฝ่ายจะได้ร่วมมือร่วมใจกันบริหารจัดการอาชีวศึกษา ให้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเข้มแข็งและสุจริตจริงใจ เพื่อสร้างบุคลากรด้านวิชาชีพให้มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล และสามารถแข่งขันในระดับนานาประเทศต่อไป”
ผศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวนิช เลขาธิการสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “เนื่องในปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ 7 รอบ และได้รับการถวายพระราชสมัญญานาม ‘ พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน’ และเพื่อรำลึกการสถาปนาสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ครบรอบ 36 ปี สมาคมฯ จัดให้มีการประชุมวิชาการและนิทรรศการ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพตามมาตรฐานสากล และมีความพร้อมในการรองรับนักศึกษาต่างชาติที่มีจำนวนมากขึ้น ตลอดจนพัฒนาเครือข่ายในต่างประเทศ เพื่อการเทียบโอนหน่วยกิตและฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างประเทศ การอาชีวศึกษาในประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค”
หลังจากนั้น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จฯ ชมนิทรรศการของนักศึกษาที่ได้รับรางวัลในการโชว์ฝีมือแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เยาวชนไทยที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์วิชาชีพสู่ระดับสากลในเวทีระดับโลก อาทิ ซุ้มของวิทยาลัยเทคโนโลยีช่างฝีมือปัญจวิทยา สร้างสรรค์ผลงาน “รถแข่งประหยัดน้ำมัน ระบบดีเซล” ที่สามารถคว้ารางวัลที่ 2 จากการแข่งขันระดับอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และซุ้มของวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (สยามเทค) คว้าที่ 1 เหรียญทอง ในการแข่งขันระดับชาติในการประกวดสิ่งประดิษฐ์ในการแข่งขันทักษะวิชาชีพ จากผลงาน “ชุดควบคุมการเกิดเพลิงไหม้ของรถยนต์ ติดตั้งแก็ส LPG / NGV” สร้างสรรค์โดย ณัฐมนัส โสภาสาย นักศึกษาปวส. 2 สาขาเทคนิคเครื่องยนต์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (สยามเทค) เล่าว่า
“แนวคิดเกิดจากประสบการณ์จริง ผมเห็นรถยนต์ติดแก๊สระเบิดต่อหน้าต่อตา รู้สึกหดหู่มาก ตรงนี้ทำให้เกิดไอเดียที่จะสร้างหัวฉีดในห้องเครื่องยนต์ของรถ โดยถังดับเพลิงใช้สารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อห้องเครื่องยนต์และไฟฟ้ารถยนต์ คือ สาร Green Well 2000 ซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นการเซฟตี้ถึง 3 ด้วยกัน ใช้ได้เมื่อผู้ขับรถสามารถนำถังสารเคมีนี้มาฉีดป้องกันกันได้ แต่หากในกรณีที่ผู้ขับรถสลบ เมื่อถึงจุดหนึ่งถังสารเคมีตัวนี้ก็สามารถจะสั่งฉีดเองโดยอัติโนมัติได้ด้วยครับ”
เชื่อว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้าที่ประเทศไทยก้าวสู่การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( ASEAN Economic Community : AEC ) ในปี 2558 นั้นการพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่จะเติบโตอย่างมีความรู้ ความดี และความสามารถ เพื่อพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนประเทศสู่เส้นทางที่มุ่งหวัง และมุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์ต่อสังคมและเยาวชนไทยอย่างผู้นำสู่เวทีระดับโลกได้อย่างแน่นอน