บลจ. แอสเซท พลัส จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ 2 กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ วันที่ 10 และ 11 พฤศจิกายน นี้

อังคาร ๐๘ พฤศจิกายน ๒๐๑๑ ๐๙:๒๒
บลจ.แอสเซท พลัส เตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุนตราสารหนี้ อายุ 6 เดือน และ 3 เดือน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 3 (ASP-SIF3) และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีทรัพย์ 1 (ASP-TFIXED1) เปิดเสนอขาย 10 และ 11 พฤศจิกายน นี้

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ท่ามกลางการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง จากความกังวลด้านปัญหาน้ำท่วมในประเทศ และปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ได้ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม จะต้องจับตาดูปริมาณความต้องการจากนักลงทุนจากผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นสำคัญในช่วงสัปดาห์นี้ และเงินทุนเข้าออกจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งคาดว่าจะยังคงผันผวนและน่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล

ทางด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือ 2.72% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 4% หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ขณะที่คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2554 น่าจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.8% โดยเป็นผลจากการปรับเพิ่มของราคาสินค้าในหมวดอาหาร แต่ยังคงคาดว่าเป็นผลในระยะสั้น

ด้านการลงทุนในตราสารหนี้ บริษัทฯ จะเน้นเลือกลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง ระยะเวลาสั้นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ซึ่งบางส่วนอาจได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมที่ยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้

โดยในวันที่ 10 พฤศจิกายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 3 (ASP-SIF3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตั๋วแลกเงินธนาคารพาณิชย์ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.30% ต่อปี*

และในวันที่ 11 พฤศจิกายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีทรัพย์ 1 (ASP-TFIXED1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตั๋วแลกเงินธนาคารพาณิชย์ อายุประมาณ 3 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.25% ต่อปี*

ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111 / สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์

มุกพิม จุลพงศธร (มุก) / ธันย์ชนก อนุศาสตร์ (ปัด) โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 หรือ 3321

อีเมล์: [email protected] / [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ