นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ท่ามกลางการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง จากความกังวลด้านปัญหาน้ำท่วมในประเทศ และปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ได้ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม จะต้องจับตาดูปริมาณความต้องการจากนักลงทุนจากผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นสำคัญในช่วงสัปดาห์นี้ และเงินทุนเข้าออกจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งคาดว่าจะยังคงผันผวนและน่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ทางด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือ 2.72% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 4% หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ขณะที่คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2554 น่าจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.8% โดยเป็นผลจากการปรับเพิ่มของราคาสินค้าในหมวดอาหาร แต่ยังคงคาดว่าเป็นผลในระยะสั้น
ด้านการลงทุนในตราสารหนี้ บริษัทฯ จะเน้นเลือกลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง ระยะเวลาสั้นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ซึ่งบางส่วนอาจได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมที่ยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้
โดยในวันที่ 10 พฤศจิกายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 3 (ASP-SIF3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตั๋วแลกเงินธนาคารพาณิชย์ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.30% ต่อปี*
และในวันที่ 11 พฤศจิกายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีทรัพย์ 1 (ASP-TFIXED1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตั๋วแลกเงินธนาคารพาณิชย์ อายุประมาณ 3 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.25% ต่อปี*
ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111 / สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์
มุกพิม จุลพงศธร (มุก) / ธันย์ชนก อนุศาสตร์ (ปัด) โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 หรือ 3321
อีเมล์: [email protected] / [email protected]