เชฟอลัน ได้นำประสบการณ์ด้านอาหารกว่า 24 ปี เข้าร่วมทีมเตรียมการเปิดโรงแรมอิสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2555 ที่จะถึงนี้ เชฟอลันจะดูแลรับผิดชอบการสร้างสรรค์เมนูอาหารให้กับห้องอาหารเดอะ กลาส เฮ้าส์ ซึ่งให้บริการอาหารนานาชาติตลอดวัน และห้องอาหารอะซัวร์ บริการอาหารเมดิเตอร์เรเนียน อีกทั้ง สร้างมาตราฐานยกระดับการให้บริการให้ห้องอาหารทั้งสองแห่งให้เป็นที่ยอมรับและเป็นห้องอาหารที่ทุกคนต้องมาเยือน
เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานฝึกหัด ด้วยพรสวรรค์และความมุ่งมั่น เชฟอลันฝึกฝนและพัฒนาจนก้าวขึ้นเป็นพ่อครัวใหญ่ให้กับห้องอาหารลาบูฟ ห้องอาหารชั้นนำในกรุงลอนดอนในเวลาเพียง 7 ปี หลังจากนั้น เชฟอลันไม่เพียงแต่สั่งสมประสบการณ์ด้านการทำอาหาร แต่รวมถึงด้านการบริหารการจัดการครัว จนได้รับรางวัลและเกียรติประวัติมากมาย รวมถึงการนำร้านอาหารสว๊ากแอนด์เทลส์ ในกรุงลอนดอน เข้าเป็นร้านอาหารแนะนำของมิชลินในปี 2541
เชฟอลันมีความเชี่ยวชาญด้านอาหารนานาชาติ ทั้งอาหารยุโรป อาหารเอเซีย และอาหารแอฟริกา เขาได้ร่วมงานกับโรงแรม ชั้นนำในตำแหน่งพ่อครัวใหญ่มากมาย อาทิ โรงแรมโฟร์ซีซั่นแฟร์เวย์ เมืองคินตะโดลาโก ประเทศโปรตุเกส โรงแรมเฌอนันทัมสนา เมืองมาราเกซ ประเทศโมร็อกโก และโรงแรมเคมปินสกี้ซามานิ เกาะแซนซิบาร์ ประเทศแทนซาเนีย นอกจากนี้ เชฟอลันยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารเพื่อสุขภาพและสปา เขาเคยร่วมงานกับเคเอ็กซ์ยิม ในเมืองเชลซี ซึ่งเป็นคลับเพื่อสุขภาพอันดับหนึ่งของอังกฤษ ในตำแหน่งพ่อครัวใหญ่ และเคยร่วมงานกับอินสปารีทรีต คลับซึ่งมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ณ สำนักงานใหญ่ที่ประเทศอังกฤษ กว่า 7 ปี ในตำแหน่งพ่อครัวรีทรีต
ล่าสุด ก่อนเข้าร่วมงานกับโรงแรมอิสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เชฟอลันดำรงตำแหน่งเป็นพ่อครัวใหญ่และที่ปรึกษาให้กับห้องอาหาร 3 แห่งในกรุงลอนดอน ได้แก่ ห้องอาหารอควาบราเซอรี่ ห้องอาหารโซกเมดินา และห้องอาหารโซกบาซาร์
“เรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เชฟอลันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเราที่กรุงเทพฯนี้ เชื่อมั่นว่าด้วยความรู้และประสบการณ์ในด้านอาหารที่รอบด้านจากหลายทวีปทั่วโลก บวกกับความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์อันล้ำค่าให้แก่ลูกค้าของเขา จะทำให้ผู้ที่ได้ลิ้มรสอาหารพึงพอใจและประทับใจได้อย่างไม่ต้องสงสัย” มร.จอห์นกล่าวต้อนรับ
เชฟอลันได้กล่าวในโอกาสเข้าร่วมงานกับโรงแรมฯว่า “การทำอาหารก็เหมือนความท้าทายอื่นๆในชีวิต คุณต้องเรียนรู้ ทดลอง สร้างสรร และมองหาสิ่งใหม่อยู่เสมอ ไม่หยุดที่จะขยายเป้าหมายแห่งความสมบูรณ์แบบ ยิ่งได้เดินทางมากขึ้น ยิ่งเห็นได้ชัดว่าผมต้องกลับไปเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งวัฒนธรรม วัตถุดิบ อาหารประจำถิ่น และนำมาประยุกต์ในแบบฉบับของผม เป็นการผสมผสานวัตถุดิบออร์แกนิคของแต่ละท้องถิ่น โดยไม่ใช้สารปรุงแต่งใดๆ เข้ากับกับส่วนผสมที่ดีที่สุด เพื่อสร้างช่วงเวลาในการทานอาหารอันแสนพิเศษ แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่แขกของเราสามารถนำกลับบ้านไปได้ อีกทั้ง การศิลปะในการรังสรรอาหารนี้จะเปิดโอกาสให้แขกแต่ละท่านได้สร้างความหมายให้กับอาหารแต่ละจานที่ได้ลิ้มลองด้วยตนเอง”