ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตธนาคารกรุงไทย แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ศุกร์ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๐๑๑ ๑๑:๒๘
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ ‘BBB’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘bbb-’ รายละเอียดอันดับเครดิตอื่นๆ แสดงอยู่ในส่วนท้าย

อันดับเครดิตของ KTB สะท้อนถึงการถือหุ้น การมีอำนาจควบคุม และการสนับสนุนจากรัฐบาล KTB เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย (ซึ่งมีอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) โดยมีส่วนแบ่งการตลาดด้านสินเชื่อและเงินฝากประมาณ 18% และมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่จัดตั้งโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 55% แม้หากไม่คำนึงถึงการถือหุ้นในธนาคารของรัฐบาล ฟิทช์ยังคงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ KTB จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหากมีความจำเป็น เนื่องจากขนาดและความสำคัญต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจ จากเหตุผลในข้างต้นจึงเห็นได้ว่าในอดีตรัฐบาลได้มีการใช้ธนาคารให้สนับสนุนนโยบายทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการขยายสินเชื่อในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ

การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของประเทศอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตสากลระยะยาวและระยะสั้นของ KTB อย่างไรก็ตามเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการในการจัดอันดับเครดิตของธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงิน (รวมถึงธนาคารที่มิได้มีหน้าที่หลักในการดำเนินนโยบายรัฐ) ที่มีการถือหุ้นโดยรัฐต่ำกว่า 100% ในประเทศอื่นๆ ที่มีอันดับเครดิตอยู่ในระดับสูง อันดับเครดิตของ KTB อาจจะมิได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของประเทศไทย หากอันดับเครดิตของประเทศไทยได้รับการปรับอันดับเพิ่มขึ้นไปในช่วงระดับเครดิต ‘A’ ทั้งนี้เนื่องจากการความจำเป็นในการพึ่งพาธนาคารพาณิชย์จากภาครัฐเพื่อผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจอาจลดลง ด้วยเหตุผลดังกล่าว ประกอบกับความถี่ที่มากกว่าของอันดับเครดิตภายในประเทศเทียบกับอันดับเครดิตสากลทำให้อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTB ได้รับการคงอันดับที่ AA+(tha)

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ของธนาคารสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจภายในประเทศ แม้ว่าสถานะทางการเงินของธนาคารอาจจะไม่แข็งแกร่งมากนัก ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายธุรกิจเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐในด้านสินเชื่อในอดีต ซึ่งทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจถูกจำกัด หากมีการกดดันให้ธนาคารสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่เน้นการดำเนินงานในเชิงพานิชย์ของ KTB ส่งผลให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญของกำไร คุณภาพสินทรัพย์ และ เงินกองทุน ของธนาคาร อาจส่งผลให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารถูกปรับลดลง

KTB ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องสำหรับช่วง 9 เดือนแรกปี 2554 โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 16.2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ 1.2% (เทียบกัน 0.9% ในปี 2553) อย่างไรก็ตามอัตรากำไรและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารอาจปรับตัวลดลงในไตรมาส 4 ปี 2554 และในปี 2555 เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย นอกจากนี้ KTB น่าจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในปี 2555 รวมทั้งความเสี่ยงที่ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอาจต้องปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับต่ำที่ประมาณ 60% และมีระดับสำรองหนี้สูญส่วนเกิน (excess reserve) อยู่ในระดับต่ำที่ 3.1 พันล้าน (หรือ 0.2% ของสินเชื่อปกติ) ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2554 ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วง 9 เดือนแรกปี 2554 ได้เริ่มมีแนวโน้มไปในทิศทางดังกล่าวบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่า ด้วยความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของ KTB ที่ปรับตัวดีขึ้น และเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ปัจจัยดังกล่าวน่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับความเสี่ยงระยะสั้นจากปัญหาอุทกภัยได้ในระดับหนึ่ง

ความสามารถในการระดมเงินทุนและสภาพคล่องของ KTB ยังคงอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ เนื่องจากธนาคารเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีฐานลูกค้าเงินฝากที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย โดยพนักงานรัฐวิสาหกิจและข้าราชการส่วนใหญ่จะใช้บริการเงินฝากกับธนาคาร ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารที่ 101.5% (100.3% ณ สิ้นปี 2553) อย่างไรก็ตามอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวลดลงที่ประมาณ 91% หากรวมตั๋วแลกเงิน (B/E) ซึ่งโดยทั่วไปจัดเป็นผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำประเภทหนึ่งสำหรับผู้ฝากเงิน

KTB มีเงินกองทุนอยู่ในระดับที่พอเพียง โดยธนาคารมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราเงินกองทุนรวมที่ 9.0% และ 14.1% ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยรองรับผลกระทบจากความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสภาวะเศรษฐกิจหรือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

อันดับเครดิตของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของ KTB ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอยู่ 2 ระดับ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB จะส่งผลในทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนดังกล่าว นอกจากนี้การปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญของเงินกองทุน ความสามารถในการทำกำไร และ กำไรสะสม อาจส่งผลให้ความแตกต่างระหว่างอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและอันดับเครดิตของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนนี้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยใช้ในการพิจารณาอนุมัติให้ธนาคารสามารถชำระดอกเบี้ย ในกรณีที่ธนาคารประสบผลขาดทุนจากการดำเนินงาน

ฟิทช์คงอันดับเครดิตดังต่อไปนี้:

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว Issuer Default Rating (IDR) ที่ ‘BBB’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘F3’

- อันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating/Individual Rating) ที่ ‘bbb-’ / ‘C/D’

- อันดับเครดิตสนับสนุนที่ ‘2’

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘BBB-’

- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ ‘BBB’

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Hybrid Tier 1 Securities) ที่ ‘BB’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘AA(tha)’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ ‘A(tha)’

ติดต่อ

Primary Analyst

พชร ศรายุทธ

Associate Director

+662 655 4761

บริษัท ฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด

55 ถนน วิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

Secondary analyst

นฤมล ชาญชนะวิวัฒน์

Director

+662 655 4763

กรุงเทพฯ

Committee Chairperson

Jonathan Cornish

Managing Director

+852 2263 9901

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO