พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ กล่าวในงานเสวนาในหัวข้อ “ธรรมดีที่พ่อทำ ...เราจะช่วยกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร” ที่จัดเมื่อเร็วๆ นี้ที่หอประชุมพุทธคยา โดยสำนักพิมพ์ดีเอ็มจีว่า “พฤติกรรมจาบจ้วงล่วงเกินสถาบันมีมาทุกยุคทุกสมัย แต่ทำในแบบตัวใครตัวมัน แต่ในยุคนี้มีการทำเป็นกระบวนการ ทำซ้ำๆ แพร่กระจายไป ทำได้แนบเนียน ถ่ายทอดไป รับช่วงต่อๆ กันไป มาในรูปแบบของความหยาบคาย ใช้เทคนิคอย่างหนึ่งที่เคยใช้ในสมัยคอมมิวนิสต์คุกคาม คือ โฆษณาชวนเชื่อ เดี๋ยวนี้ สถานีวิทยุโทรทัศน์มีนับไม่ถ้วน การกระทำจึงกว้างขวาง ซ้ำซากกว่า ผสมกับการปลุกระดมเพื่อให้เข้าใจผิด หลายครั้งเข้าทำให้คนหลงเชื่อไม่น้อย เรียกว่าการย้อมสมองคนไทยกำลังทำเป็นล่ำเป็นสัน นี่คือสิ่งที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ ดังนั้น การต่อสู้กับความเท็จจึงต้องต่อสู้ด้วยความจริง ต้องเผยแพร่สิ่งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อคนไทยมาตลอดพระชนมชีพ สิ่งนี้คือความจริง ต้องเผยแพร่ คนไทยควรต้องศึกษาเรื่องเหล่านี้ พ่อแม่ต้องเล่าให้ลูกหลานและทุกคนในครอบครัวฟังว่าในหลวงทรงทำอะไรบ้าง มีประโยชน์มากมายมหาศาล เพื่อเป็นการตอบโต้ความเท็จ”
นายประมวล รุจนเสรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และเจ้าของผลงานหนังสือ “พระราชอำนาจ” กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญที่สุด เป็นสถาบันเดียวที่มีการพัฒนาไปไกลมาก ในหลวงทรงวางพระองค์เป็นแบบอย่าง ใช้ความวิริยะอุตสาหะในการทรงงาน โดยมุ่งที่ประโยชน์สุขของมหาชน ขณะเดียวกันพระองค์ก็กำหนดวิธีทรงงานด้วยว่า “จะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ซึ่งเป็นพระปฐมบรมราชโองการ ดังนั้น ในเมื่อพระองค์ทรงทำเป็นแบบอย่างแล้ว ข้าราชการ นักการเมือง หรือแม้แต่ใครๆ ก็ตามควรที่จะน้อมนำเอาธรรมที่พระองค์ทรงทำนั้นมาเป็นเป้าหมายในการดำเนินชีวิตและการทำงาน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนคนไทยทั้งปวง
“ภาคประชาชนอย่างพวกเราต้องเข้าใจว่าในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง วันนี้เราต้องตื่นขึ้นมามีจิตสำนึกว่าอะไรไม่ดีไม่งามไม่ควร เราต้องช่วยกันตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พลังประชาชนเท่านั้นจะช่วยได้ ถ้าเราตื่น รู้คิดพิจารณา รู้เลือก รู้ทำ เริ่มจากตระหนักว่าในหลวงทรงเป็นที่รักยิ่งของเรา รู้แล้วขยายต่อออกไปสู่สังคมภายนอกให้กว้าง และต้องดูว่าใครโกหก ก็อย่าเลือกเขาเหล่านั้น แต่วันนี้เสียใจมากที่ทุกคน หลงทาง หลงเงิน หลงทุกสิ่งทุกอย่าง หลงผิด” นายประมวล กล่าว
ด้าน ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการสื่อสารมวลชนและอดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การจะให้คนไทยรักและหวงแหนสถาบันกษัตริย์ต้องแก้ที่การศึกษา พื้นฐานการเรียนการสอนตั้งแต่ปีแรก เรื่องพระเจ้าอยู่หัวต้องให้เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เทิดทูน ไม่ใช่สอดแทรกวิชาเศรษฐกิจพอเพียงลงไปในวิชาเศรษฐศาสตร์ อยากบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้มีแค่เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้มีแค่ทฤษฎีใหม่ พระเจ้าอยู่หัวทรงปรีชาในทุกเรื่อง เรื่องน้ำท่วม การเมือง การปกครอง ในภาพรวมตนอยากจะเห็นหลักสูตร ปรัชญาการเมืองการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ไทย หรือ Political Philosophy of Thai Monarchy เพราะกษัตริย์ไทยทุกพระองค์มีปรัชญาสอนโลก เราต้องสอนให้เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ นี่คือการใช้หลักความจริงเอาชนะความเท็จ
พันตำรวจเอก ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม เสนอแนะสั้นๆ ว่า หากเราทุกคนรักในหลวง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่ควรที่จะทำอะไรให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท ขออย่าเอาสถาบันมาหาประโยชน์ใส่ตัว เพราะไม่เป็นการบังควร ควรจะรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควร และควรให้โอกาสผู้ที่หลงผิด พูดคุยกับพวกเขา ใช้เหตุผลคุยกัน อย่าผลักไสพวกเขาเป็นฝ่ายตรงข้าม เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาได้รับทราบความจริงแล้ว เขาก็จะตัดสินใจได้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร
นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย เจ้าของผลงานหนังสือ “ธรรมดีที่พ่อทำ” กล่าวว่า เราต้องใช้พลังความรักความเมตตาที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อคนไทย และพลังความรักของคนไทยทุกคนช่วยกันให้ความเข้าใจกับผู้ที่คิดไม่ถูกต้อง และไม่ควรตอบโต้กลับ ไม่เผยแพร่ข้อความและคลิปที่หมิ่น เพราะเป็นการให้ความสำคัญและให้เรตติ้งกับสิ่งเหล่านั้น ที่สำคัญ พยายามสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ด้วยภาษาและบริบทที่เข้าใจได้ง่าย ในพื้นที่และเวทีที่แต่ละคนมี ที่สำคัญ ต้องไม่นิ่งดูดาย ขอให้ทุกคนที่บอกว่า ‘รัก’ พระเจ้าอยู่หัวลุกขึ้นมาปกป้องพระองค์ ไม่ใช่ด้วยปาก แต่ด้วยการกระทำผ่านสองมือและหัวใจ
“ดังนั้นขอให้ทุกคนจงลุกขึ้นมาประพฤติตนตาม ‘ธรรมดีที่พ่อทำ’ ตามสิ่งที่ทรงทำให้ดูตลอดระยะเวลา แม้ขณะที่กำลังประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช ขอให้คนไทยทุกคนที่บอกว่า ‘รัก’ พระเจ้าอยู่หัว ได้ช่วยกันถ่ายทอดและเผยแพร่คุณงามความดีของพระองค์ให้คนรุ่นหลังได้ซาบซึ้งในพระองค์ท่านตราบนานเท่านาน เพราะพระองค์คือพระมหากษัตริย์หนึ่งเดียวในโลกนี้ที่ทรงงานหนักเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน และให้ใช้หลักความจริงต่อสู้กับข้อความเท็จ ใช้ความรักสยบความเข้าใจผิดและความเกลียดชัง รวมทั้งให้มองว่าทุกคน คือ คนไทยด้วยกัน ควรให้อภัย ให้โอกาสซึ่งกันและกัน” นายดนัย กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ภายในงานเสวนายังได้มีการแจกข้อมูลวิธีการในการแจ้งลบข้อความหรือคลิปหมิ่นสถาบันทางเฟซบุ๊ค ยูทูบและเว็บไซต์ และยังได้มีการมอบเงินรายได้สามแสนบาทจากการจำหน่ายหนังสือธรรมดีที่พ่อทำแก่ ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร สมทบทุนมูลนิธิภูมิพโลภิกขุเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา และรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายเข้ามูลนิธิธรรมดีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อไป
หมายเหตุ: พบเห็นเว็บไซต์ปลุกระดมผิดกฎหมาย หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ แจ้งที่
สายด่วน DSI: 1202 โทร: 028319888 ต่อ 1245
email: [email protected], [email protected]
ที่อยู่:กรมสอบสวนคดีพิเศษ 128 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง
Website: http://www.dsi.go.th/index2.php