นายถกล ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) (KBS) เปิดเผยว่าตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้คัดเลือกหลักทรัพย์ชุดใหม่ สำหรับการคำนวณดัชนี SET100 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2555 โดยในส่วนของ KBS ติดอยู่ในรายชื่อหลักทรัพย์สำหรับดัชนี SET100 นั้นสะท้อนว่า KBS เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวมหรือ Market Capitalization สูงและมีสภาพคล่องในการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ
“ผมว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับ KBS ที่ตลาดหลักทรัพย์ นำหุ้นเข้าไปคำนวณดัชนี SET100 จากจำนวนหลักทรัพย์ทั้งหมดที่มีจำนวนหลายร้อยหลักทรัพย์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า KBS อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้งในด้านมาร์เก็ตแค็ป สภาพคล่องและจำนวนนักลงทุนที่ให้ความมั่นใจเข้ามาถือหุ้นจำนวนมาก จึงถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกกับบริษัทอย่างมาก เนื่องจากทำให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจหุ้นของเรามากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของกองทุนในประเทศที่มีการลงทุนในลักษณะตามดัชนีก็จะกระจายการลงทุนมาที่หุ้น KBS มากขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนทั่วไปก็จะให้ความสนใจในตัวบริษัทมากขึ้นด้วยเช่นกัน"
สำหรับ เกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์เพื่อคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 นั้นจะใช้ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ย้อนหลัง 12 เดือน (1 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554) และข้อมูลมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดย้อนหลัง 3 เดือน โดยหลักทรัพย์ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก 50 ลำดับแรกจะใช้ในการคำนวณดัชนี SET50 ขณะที่หลักทรัพย์ 100 ลำดับแรกจะใช้ในการคำนวณดัชนี SET100 โดยมีหลักทรัพย์ 5 ลำดับถัดมาเป็นหลักทรัพย์สำรอง 5 หลักทรัพย์สำหรับดัชนีแต่ละชุดด้วย
นายถกลกล่าวต่อในช่วงท้าย ถึงผลการดำเนินงานในรอบปี 2555 สำหรับ KBS ว่าจะมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องได้ โดยวางเป้าหมายเบื้องต้นคาดว่ารายได้รวมจะมีการเติบโตประมาณ 10-15% และมีอัตรากำไรสูงกว่ารอบปี 2554 โดยคาดว่าปริมาณหีบอ้อยในงวดปี 2555 จะใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกันในปีที่ผ่านมาได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทำให้สามารถผลิตน้ำตาลได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่าได้คัดเลือกหลักทรัพย์ชุดใหม่ สำหรับการคำนวณดัชนี SET100 โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2555 การคัดเลือกหลักทรัพย์สำหรับดัชนี SET100 ในครั้งนี้ มีหลักทรัพย์ที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาใหม่ 7 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) บมจ.น้ำตาลครบุรี (KBS) บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) และ บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) สำหรับดัชนี SET High Dividend (SETHD) มีหลักทรัพย์เข้าใหม่จำนวน 3 หลักทรัพย์ คือ บมจ.โพลีเพล็กซ์(ประเทศไทย) (PTL) บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) และบมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC)