ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานในการแถลงข่าวโครงการช่วยเหลือด้านพลังงานแก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยปี 2554 พร้อมด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแถลงข่าว “โครงการความช่วยเหลือ ด้านพลังงานแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ประสบอุทกภัยปี 2554 ในวันนี้ ถือเป็นการแสดงเจตจำนง อันแน่วแน่ของรัฐบาลที่พร้อมจะเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา โดยมีกระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพหลัก
ภาพรวมของการเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ได้ส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนอย่างน้อย 3 ล้านครัวเรือน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ได้รับความเสียหาย และต้องมีภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมาในการซื้อหาทดแทน ตลอดจนในส่วนของ ภาคธุรกิจ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม อาคารธุรกิจ รวมถึงภาคเกษตรกรรม ที่ต่างได้รับความเสียหาย ด้านเครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ในสถานประกอบการ ซึ่งถือเป็นภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล ในการดำเนินการซ่อมแซมและจัดหาเพื่อทดแทนของเดิมเช่นกัน จึงเป็นที่มาและจุดเริ่มต้นของการดำเนินโครงการฯ ในวันนี้ ของกระทรวงพลังงานที่ได้แสดงถึงความตั้งใจจริง ในการเร่งฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยทั้งจากภาคครัวเรือน และกลุ่มภาคธุรกิจ ดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงทุกภาคส่วน
วิกฤตการณ์มหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ รัฐบาลพยายามแก้ไขเยียวยาเต็มที่ เป็นการยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงแค่ไหน รัฐบาลก็พร้อมจะให้การดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด และจะเร่งทุ่มเทแรงกายแรงใจฟื้นคืนชีวิตปกติสุขให้แก่ประชาชนทุกคนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด สำหรับมาตรการของการเร่งฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัย ตามกรอบที่กระทรวงพลังงานจะดำเนินการนั้น แบ่งเป็น 3 โครงการหลักๆ ได้แก่ ภาคผู้ประกอบการธุรกิจ มี 2 โครงการ คือ โครงการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจที่ประสบอุทกภัย และ โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานภาคอาคารธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ในพื้นที่ประสบอุทกภัย (เงินช่วยเหลือให้เปล่า30% (Direct Subsidy)) ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะเริ่มในต้นปีหน้า ภาคประชาชน มี 1 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานภาคครัวเรือน ในพื้นที่ประสบอุทกภัย (โครงการสินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวผู้ประสบอุทกภัย) ซึ่งจะดำเนินการในเร็วๆ นี้
ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเสริมเกี่ยวกับโครงการช่วยเหลือภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมว่า โครงการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจที่ประสบอุทกภัย กระทรวงพลังงานได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย และสถาบันการศึกษา 7 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยศิลปกร จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานเข้าตรวจสอบเครื่องจักรของสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย เพื่อวิเคราะห์สถานภาพ และหาแนวทางในการปรับปรุงซ่อมแซม รวมทั้งให้คำแนะนำทางเทคนิคอื่นๆ
ส่วนโครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานภาคอาคารธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ในพื้นที่ประสบอุทกภัย (เงินช่วยเหลือให้เปล่า30% (Direct Subsidy)) จะเป็นการให้เงินสนับสนุนร้อยละ 30 ของราคาเต็ม ในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ ในสถานประกอบการให้เป็นเครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง โดยเงื่อนไขจะต้องเป็นมาตรการที่มีระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 7 ปี โดยจะสนับสนุนเงินลงทุน 30% สูงสุด ไม่เกิน 1 ล้านบาท/ราย โดยกระทรวงพลังงานได้เตรียมวงเงินที่จะให้การสนับสนุนไว้ 2 พันล้านบาท
“โครงการความช่วยเหลือด้านพลังงานแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ประสบอุทกภัยปี 2554 ในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญและนับเป็นมิติใหม่ ที่ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัย รวมทั้งการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมให้กลับมามีความสามารถ ในการผลิตและการแข่งขันในระดับสากล” นายพิชัย กล่าว
ด้านนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดมหกรรมสินค้าเบอร์เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยว่า จะจัดขึ้นทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในส่วนกลางจัดที่ ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการ ไบเทค พร้อมกับต่างจังหวัดอีก 27 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ชัยนาท ตาก นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี อยุธยา พิจิตร พิษณุโลก ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี สมุทรสาคร ลำปาง มาสารคาม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ขอนแก่น และเชียงใหม่ โดยประชาชนที่มาในงานนี้ นอกจากจะได้เลือกซื้อสินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ในราคาย่อมเยา และยังเป็นสินค้าที่ได้รับฉลากประสิทธิภาพสูงในการประหยัดพลังงานแล้ว ประชาชน ที่ประสบอุทกภัยยังสามารถขึ้นทะเบียนเพื่อรับคูปองมูลค่า 2,000 บาทภายในงาน เพื่อใช้เป็นเงินสด ในการซื้อสินค้าอีกด้วย