นายพีระพงษ์ อัจฉริยชีวิน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากความต้องการใช้พลังงานของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคการผลิตกระแสไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และภาคคมนาคมขนส่ง ทำให้ ปตท. จำเป็นต้องจัดหาพลังงานเพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานได้อย่างเพียงพอ และเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยสำหรับก๊าซธรรมชาตินั้น ปตท. จัดหาจากทั้งแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และการนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น สหภาพพม่า รวมถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติที่ ปตท. ซื้อจากผู้ผลิตฯ จะปรับตามราคาน้ำมันเตาที่เพิ่มสูงขึ้น , ดัชนีทางเศรษฐศาสตร์ และ อัตราการแลกเปลี่ยน ซึ่งโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติดังกล่าวกำกับดูแลโดยคณะกรรมการปิโตรเลียม
ทั้งนี้สำหรับต้นทุนก๊าซธรรมชาติ NGV ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนต้นทุนเนื้อก๊าซธรรมชาติ รวมค่าขนส่งทางท่อฯ และส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินการ อันได้แก่ ค่าขนส่ง , ค่าเงินลงทุน และค่าดำเนินการทั้งสถานีแม่และสถานีลูก โดยต้นทุนเนื้อก๊าซธรรมชาติรวมค่าขนส่งทางท่อของ NGV อยู่ในระดับเดียวกับราคาก๊าซธรรมชาติที่จำหน่ายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งนี้ต้นทุนเนื้อก๊าซธรรมชาติรวมค่าขนส่งทางท่อเฉลี่ยปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 9 บาทต่อกิโลกรัม และเมื่อรวมค่าใช้จ่ายดำเนินการที่ได้เคยมีการศึกษา โดยสถาบันปิโตรเลียมเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประมาณ 5.56 บาทต่อกิโลกรัม และบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้ว ต้นทุนของ NGV ปัจจุบันจึงอยู่ที่ประมาณ 15.58 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ปัจจุบัน ปตท. จำหน่าย NGV อยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งในพื้นที่เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และเขตภูมิภาคที่อยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตรจากสถานีหลัก ทำให้ ปตท. รับภาระขาดทุนสะสมตลอดมา ดังนั้นการปรับราคาจำหน่าย NGV ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ตามนโยบายของรัฐบาล จะช่วยให้ ปตท. มีกำลังในการขยายการให้บริการ NGV ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนผู้ใช้ NGV ได้รับความสะดวกเพิ่มมากขึ้น
โทรศัพท์ 0-2537-3209 ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โทรสาร 0-2537-3211