พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ประทานทุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาล ในโครงการ “จีเอสเค พยาบาลเพื่อชุมชน” ประจำปี 2554 ซึ่งทางโครงการฯได้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 12 เป็นจำนวน 20 ทุน โดยเป็นทุนต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษาพยาบาล ในโอกาสนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุทรงรับสั่งให้กำลังใจแก่พยาบาลชุมชนในโครงการฯที่สำเร็จการศึกษาและกำลังปฏิบัติหน้าที่ในชุมชนพื้นที่ห่างไกล พื้นชายแดน รวมถึงพยาบาลที่ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ประสบมหาอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ ขอให้ทุกคนอดทน อย่าย่อท้อ และขอขอบใจพยาบาลทุกคนที่เสียสละ ช่วยเหลือกันให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
นพ.สมควร หาญพัฒนชัยกูร ผู้อำนวยการ สถาบันพระบรมราชชนก กล่าวว่า ปัจจุบันมีพยาบาลอยู่ 160,000 คนทั่วประเทศ คิดเป็นอัตราส่วนต่อประชากร 1 ต่อ 400 คน ซึ่งหากดูจากตัวเลขดังกล่าวถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม แต่ในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยเรายังขาดแคลนพยาบาลอยู่มาก เนื่องจากพยาบาลที่มีอยู่ไม่ได้ทำหน้าที่ด้านบริการพยาบาลทั้งหมด มีประมาณ 85% ที่ทำหน้าที่พยาบาล ที่เหลืออีก 15% จะทำงานด้านบริหารและงานอื่นๆ ทำให้สถานพยาบาลในชุมชนและพื้นที่ห่างไกล ยังต้องการพยาบาลชุมชนอยู่อีกมาก
นายวิริยะ จงไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท จีเอสเค กล่าวว่า จากปัญหาการขาดแคลนพยาบาลวิชาชีพ ในการดูแลส่งเสริมสุขภาพให้แก่ประชาชนในถิ่นทุรกันดารในประเทศไทย พร้อมทั้งต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงสุขภาพที่ดีได้ จีเอสเค จึงได้ร่วมกับ สถาบันพระบรมราชชนก ดำเนินโครงการ “จีเอสเค พยาบาลเพื่อชุมชน” มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 โดยมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาลในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนกเพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่ด้อยโอกาสในชนบท แต่มีความตั้งใจในการพัฒนาสาธารณสุขท้องถิ่น ให้ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนวิชาชีพพยาบาล และได้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขแก่ชุมชนท้องถิ่นของตน ภายหลังสำเร็จการศึกษา อันเป็นการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างเสริมสุขภาพพลานามัยที่ดีให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชนบทของประเทศไทยอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบาย “ยาดีเข้าถึงได้” ของจีเอสเค ที่มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการเข้าถึงยาและการมีสุขภาพดีของคนไทย ปัจจุบันมีผู้สำเร็จการศึกษาได้เป็นพยาบาลในโครงการ “จีเอสเค พยาบาลเพื่อชุมชน” แล้ว 11 รุ่น เป็นจำนวน 512 ราย พยาบาลเหล่านี้ได้ออกปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และสำนักงานสาธารณสุข กว่า 120 แห่ง ในพื้นที่ 52 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยอยู่ด้วยในขณะนี้ ทำให้ชุมชนและคนในสังคมในท้องถิ่นทุรกันดาร ได้รับการดูแลรักษาที่ดี มีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการเข้าถึงการมีสุขภาพดีของคนไทยได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
พยาบาลทุน จีเอสเค รุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว ได้แสดงความคิดเห็น และมุมมองจากท้องถิ่นที่ทำงานอยู่ เริ่มต้นด้วยพยาบาลทุนจีเอสเคที่ปฏิบัติงานอยู่ภายใต้สถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้
นางสีตีฮายา วาหลง หนึ่งในพยาบาลทุน “จีเอสเค พยาบาลเพื่อชุมชน” รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นพยาบาลทุนรุ่นแรกๆของโครงการฯ ปัจจุบันทำงานโรงพยาบาล เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส “ดิฉันไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้เป็นพยาบาล เพราะตัวเองอาจจะไม่สามารถเรียนจนจบ ในวิทยาลัยพยาบาลพระบรมราชชนนี นราธิวาส แต่เพราะได้รับทุน โครงการ จีเอสเค พยาบาลเพื่อชุมชน จากเด็กตัวเล็กๆ ที่ขาดโอกาส ตอนนี้ได้เป็นพยาบาลที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจ เป็นวิชาชีพที่เราภาคภูมิใจ เพราะการได้ช่วยเหลือชีวิตคนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก แม้ว่าชีวิตการทำงานในช่วงแรกๆจะมีอันตรายรอบด้าน ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในความเสี่ยง เราก็อดทนเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาได้ เพราะเราคือพยาบาลที่มีหน้าที่ให้บริการด้านสาธารณสุขให้กับคนในชุมชน แนวคิดหลักของการเป็นพยาบาลของดิฉันก็คือ เราไม่จำเป็นต้องให้การพยาบาลอยู่ในเฉพาะสถานบริการเท่านั้น เราเป็นพยาบาลทั้งกายและใจ เราพร้อมให้การดูแล ช่วยเหลือทุกเมื่อกับคนทุกชนชั้น แม้แต่ในเหตุการณ์ฉุกเฉินทุกสถานการณ์ค่ะ เพื่อการเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
นางสาวนฤพร อารีย์ พยาบาลทุน “จีเอสเค พยาบาลเพื่อชุมชน” รุ่นที่ 4 ซึ่งเรียนจบเป็นพยาบาลแล้ว และปัจจุบันทำงานที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ผู้ซึ่งเป็นทั้งผู้ประสบภัยและต้องทำหน้าที่พยาบาลในพื้นที่ประสบมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานพยาบาลว่า “แม้น้ำจะท่วมบ้าน แต่ด้วยวิชาชีพเราก็ทำงานเข้าเวรตามปกติเพราะผู้ป่วยต้องการเรา และต้องยอมรับความยากในการทำงานที่มีมากขึ้น เพราะที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาน้ำสูง 3 เมตรค่ะ ไม่สามารถไปทำงานที่โรงพยาบาลได้ ต้องทำศูนย์โรงพยาบาลสนามแทน บางครั้งต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับพี่ๆทหารเพื่อไปรับผู้ป่วยหนัก ก็มีทั้งผู้ป่วยใกล้คลอดและผู้ป่วยโรคหัวใจที่อยู่ในภาวะวิกฤติ แต่ละนาทีคือชีวิตของพวกเค้าแต่ยังไงก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะด้วยวิชาชีพพยาบาลที่เราได้มีโอกาสช่วยเหลือดูแลด้านสุขภาพของคนอื่น โดยเฉพาะในช่วงวิฤติน้ำท่วม แม้ว่าตัวเราเองจะเป็นผู้ประสบภัยเหมือนกัน แต่เมื่อเราได้ช่วยคนอื่นผ่อนหนักให้เป็นเบา เราก็มีความสุข แม้จะเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ ก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ”
ในการณ์นี้ ผู้บริหารของบริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายเวชภัณฑ์ยาและเครื่องอุปโภค เพื่อโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยต่อไป และทูลเกล้าฯถวายเงินเพื่อโดยเสด็จพระกุศลสมทบกองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งทั่วประเทศอีกด้วย