ธนาคารกสิกรไทย ขอชี้แจงว่า ธนาคารไม่มีนโยบายในการโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูล หรือติดตามหนี้ แล้วให้ลูกค้าไปทำรายการต่าง ๆ ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม หรือเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติแต่อย่างใด ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทย ให้ความสำคัญในการหาแนวทางป้องกันการทุจริตจากแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามจับกุมแก็งดัง กล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการตั้งทีมงานควบคุมและป้องกันการทุจริตขึ้นมาศึกษา ติดตามพฤติกรรม และหาวิธีป้องกันการทุจริตของแก็งคอลเซ็นเตอร์ เริ่มตั้งแต่กระบวนการเปิดบัญชีของบุคคลและกลุ่มคนที่น่าสงสัย การติดตามการทำรายการทางการเงิน ทั้งฝาก โอน และถอนเงิน ซึ่งหากพบว่าน่าสงสัยจะอายัดบัญชี และติดต่อเจ้าของบัญชีทันที ทั้งนี้เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้คนร้ายใช้บัญชีของธนาคารกสิกรไทยเป็นเครื่องมือในการกระทำการทุจริตต่อลูกค้าในรูปแบบใด ๆ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวมักจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวง ชื่อธนาคาร และหน่วยงานที่นำมาแอบอ้างไปเรื่อย ๆ ดังนั้นหากลูกค้าได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่ไม่คุ้นเคยสอบ ถามข้อมูลการเงิน หรือสร้างเรื่อง ซึ่งอาจจะทำให้วิตกกังวลในการที่จะเข้าไปพัวพันกับคดีต่าง ๆ ขอให้ตั้งสติพิจารณาให้ดี อย่าได้รีบเร่งดำเนินการใด ๆ และหากไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์เข้าไปสอบถามรายละเอียดได้ที่ K-Contact Center โทร.0 2888 8888 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับ ล่าสุดกรณีการหลอกลวงข้าราชการบำนาญ จนสูญเสียเงินไปร่วม 30 ล้านบาทนั้น รายการถอนเงินเกือบทั้งหมดเป็นการถอนจากสหกรณ์ออมทรัพย์ แล้วนำเงินสดไปฝากเข้าบัญชีคนร้าย 85 บัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งผ่านเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติของหลายธนาคาร ซึ่งบัญชีที่เกี่ยวพันกับการทุจริตทั้งหมดในครั้งนี้ไม่มีบัญชีของธนาคารกสิกรไทย ทั้งนี้เหตุการณ์ล่าสุดนี้ได้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการหลอกลวงที่ได้เปลี่ยนจากการหลอกให้ทำธุรกรรมผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ไปเป็นการให้ฝากเงินผ่านเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติแทน