นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังนำคณะทูตานุทูตจาก 17 ประเทศ รวม 24 คนเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการ ในอาคารชาเลนเจอร์ อาคาร 9 และนิทรรศการกลางแจ้งริมทะเลสาบ เมืองทองธานี ภายในงานบีโอไอแฟร์ 2011 ว่า การนำคณะทูตานุทูตเข้าเยี่ยมชมงานบีโอไอแฟร์ ครั้งนี้ จะเป็นส่วนช่วยสำคัญในการยืนยันถึงความพร้อม และศักยภาพของประเทศไทยในการจัดงานนิทรรศการขนาดใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หากไทยสามารถจัดงานใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราก็พร้อมสำหรับจัดงานขนาดใหญ่ในระดับโลก เช่น งานเวิล์ดเอ็กโป ที่ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานในปี 2020 ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ งานบีโอไอแฟร์ 2011 จะเป็นการตอกย้ำให้ต่างชาติตระหนักถึงศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจของไทยภายหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม ที่ยังพร้อมสำหรับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีระดับสูง รวมถึงการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และการรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ
“ตลอดระยะเวลาจัดงาน กระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะนักการทูต เจ้าหน้าที่และนักธุรกิจต่างชาติ ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาชาวต่างชาติ ชื่นชมถึงการจัดงาน และความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะยิ่งตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในอนาคตสำหรับการลงทุนในไทย ที่ไม่ใช่เพียงแหล่งรองรับการลงทุน แต่เป็นการรองรับการลงทุนที่พัฒนามากขึ้น รวมถึงยืนยันถึงสิ่งที่ภาครัฐนำเสนอในการมีพื้นฐานทางด้านการลงทุนที่มีความแข็งแรง”นายเจษฎา กล่าว
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า คณะทูตานุทูตให้ความสนใจศักยภาพของประเทศไทย ในการจัดแสดงงานนิทรรศการขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ร่วมเยี่ยมชมนิทรรศการของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เช่น พาวิเลียนต่างๆ อาทิ ปตท. เครือเจริญโภคภัณฑ์ และศาลาเฉลิมพระเกียรติ (ศาลาศรัทธาศรม) เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเยี่ยมชมครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีของไทยในการตอกย้ำให้ชาวต่างชาติได้เห็นถึงศักยภาพ และความก้าวหน้าของการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ในภาคอุตสาหกรรม
“งานบีโอไอแฟร์ได้รับความสนใจจากบุคคลสำคัญ ๆ เข้าเยี่ยมชมจำนวนมาก โดยในส่วนของทูตานุทูตครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างบีโอไอ และกระทรวงการต่างประเทศ ในการนำคณะทูตานุทูต และเจ้าหน้าที่ต่างประเทศเข้าเยี่ยมชม ซึ่งจะตอกย้ำ และแสดงถึงศักยภาพของการจัดงานระดับใหญ่ในประเทศไทย รวมถึงความพร้อมของไทยในการเป็นฐานของภาคอุตสาหกรรม” นายโชคดี กล่าว