กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--กระทรวงยุติธรรม
“สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ปลัดยุติธรรม รุดตรวจสถานที่เกิดเหตุหลังกลับจากราชการในต่างแดน พบมาตรการควบคุมความปลอดภัยยังหละหลวม ไม่ตรวจค้นอาวุธญาติผู้ต้องขัง และไม่มีกริ่งสัญญาณเตือนภัย จี้คณะกรรมการสอบสวน ค้นหาจุดบกพร่อง เพื่อตอบคำถามต่อสังคมให้กระจ่าง
ในวันที่ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2548 เวลา 16.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายกิตติ ลิ้มชัยกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่ม ภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย นายไพศาล วิเชียรเกื้อ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นางชูจิรา กองแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เดินทางไปยังเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อตรวจสถานที่เกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกชิงตัวผู้ต้องขังขณะที่เรือนจำเปิดโอกาสให้ญาติเข้าเยี่ยม โดยมีนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางกาญจนา เกษกาญจน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ฝ่ายพัฒนา นายไพโรจน์ ถัดทะพงษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ฝ่ายบริหาร นายพิทยา สังฆนาคิน รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายวิชาการให้การต้อนรับ
ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังการตรวจสถานที่เกิดเหตุว่า ในวันเกิดเหตุตนไปปฏิบัติราชการในประเทศอินเดีย และเพิ่งได้รับรายงานจากรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมราชทัณฑ์เมื่อเช้าวันนี้ โดยหลังจากปฏิบัติหน้าที่ภายในกระทรวงยุติธรรมแล้ว จึงได้เดินทางมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง เพราะเรื่องดังกล่าวถือเป็น เรื่องร้ายแรง ทั้งนี้จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุแล้ว พบว่า เรือนจำจังหวัดนนทบุรีเป็นสถานที่คุมขังนักโทษในคดีไม่ร้ายแรง และสถานที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชน ประกอบกับบริเวณหน้าเรือนจำเป็นสถานที่สัญจรไป- มา ส่งผลให้การดูแลความปลอดภัยทำได้ค่อนข้างยาก
“ในเรื่องนี้ผมพบจุดหละหลวมหลัก ๆ 2 ประการ คือ ไม่มีมาตรการตรวจค้นอาวุธญาติที่ขอเยี่ยมผู้ต้องขัง และภายในเรือนจำ นอกจากนี้ห้องเยี่ยมผู้ต้องขังไม่มีการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยหากเกิดเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ในกรณีนี้คนร้ายใช้ปืนจี้เจ้าหน้าที่ และล็อคประตูขังเจ้าหน้าที่ ไว้ด้านใน หากมีการติดตั้งสัญญาณเตือนภัย หรือมีการกดกริ่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยัง สถานีตำรวจได้เช่นเดียวกับร้านจำหน่ายทองรูปพรรณก็จะสามารถสกัด หรือ ติดตามคนร้าย ได้อย่างทันท่วงที” ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว
ข้อเท็จจริง อีกประการหนึ่งคือ ผู้ต้องขังทั้ง 2 ราย ถูกจับในข้อหาจำหน่ายยาบ้าจำนวน 200 และ600 เม็ดตามลำดับ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลล่อซื้อไปยังผู้ค้ารายอื่น จึงสามารถจับกุมได้ถึง 700,000 เม็ด ซึ่งเข้าข่ายเป็นผู้ต้องหารายใหญ่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้ประสานงานแจ้งรายละเอียดของการล่อซื้อเพิ่มเติมให้กับกรมราชทัณฑ์ทราบ และเมื่อผู้ต้องขัง ทั้ง 2 รายถูกส่งตัวมาคุมขังในเรือนจำจังหวัดนนทบุรีตามหมายศาล กรมราชทัณฑ์จึงไม่ทราบว่า ผู้ต้องขังดังกล่าวมีเครือข่ายโยงใยเชื่อมโยงกับผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่อย่างไร ซึ่ง ในเรื่องนี้ตนจะทำหนังสือนำเรียนผบ.ตร.เพื่อขอให้มีการประสานงานในการควบคุมผู้ต้องขังรายสำคัญต่อไปอย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมจะต้องตอบคำถามกับประชาชนให้ได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากข้อบกพร่องในส่วนใด และการสอบสวนจะต้องให้ความเป็นธรรม กับทุกฝ่าย โดยขณะนี้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ในเรื่องดังกล่าวแล้ว 3 ชุด คือ คณะกรรมการจากกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีนายไพศาล วิเชียรเกื้อ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะ ส่วนอีก 2 ชุด เป็นคณะกรรมการ ฯจากส่วนราชการจังหวัดนนทบุรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คาดว่าจะสามารถสรุปเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนได้ในเร็ว ๆ นี้--จบ--