สืบเนื่องจากการที่ ก.ล.ต. ตรวจสอบการดำเนินงานตามปกติของบริษัทหลักทรัพย์จำนวน 9 บริษัทและได้สุ่มตรวจสอบรายการซื้อขายของลูกค้าที่สั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านโทรศัพท์และลูกค้าที่ส่งคำสั่งซื้อขายที่ห้องค้า พบว่าผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนจำนวน 31 รายไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของคำสั่งจากลูกค้าได้ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับว่ารับคำสั่งจากลูกค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยอ้างว่าลูกค้าไม่สะดวกหรือไม่คุ้นเคยที่จะส่งคำสั่งผ่านระบบโทรศัพท์บันทึกเทปที่บริษัทจัดไว้ ส่วนกรณีลูกค้าที่ห้องค้านั้น พบว่าผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนจัดทำรายงานการส่งคำสั่งของลูกค้าที่มีรายการไม่ครบถ้วน บางรายจัดทำหลักฐานที่มาของคำสั่งไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น ลูกค้าส่งคำสั่งทางโทรศัพท์ แต่กลับใช้การเขียนใบคำสั่งแทนที่จะบันทึกเทป เป็นต้น
นายวสันต์กล่าวว่า หลักฐานการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์เป็นสิ่งที่จำเป็นและมีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดการโต้แย้งกันเกี่ยวกับการส่งคำสั่งระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนและลูกค้า หลักเกณฑ์ในเรื่องนี้จึงถูกกำหนดขึ้นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยบริษัทหลักทรัพย์มีหน้าที่จัดให้มีระบบและเครื่องมือการเก็บหลักฐานการส่งคำสั่ง ซึ่งรวมถึงระบบการบันทึกเทปสำหรับการส่งคำสั่งทางโทรศัพท์ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนมีหน้าที่เก็บและบันทึกคำสั่งให้ครบถ้วน ตรงตามความเป็นจริง ในขณะที่ผู้ลงทุนเองก็ไม่ควรละเลยในการปฏิบัติตามระเบียบที่บริษัทหลักทรัพย์จัดไว้เพื่อเป็นการป้องกันกรณีพิพาทและการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับทรัพย์สินของตน
การที่ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนไม่จัดเก็บหลักฐานการส่งคำสั่งของลูกค้าอย่างครบถ้วนและถูกต้องเป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนตามข้อ 14(7) แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข. 49/2552 เรื่อง การให้ความเห็นชอบผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนและมาตรฐานการปฏิบัติงาน ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2552 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข. 50/2552 เรื่อง การให้ความเห็นชอบผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและมาตรฐานการปฏิบัติงาน ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2552 ก.ล.ต. จึงลงโทษเจ้าหน้าที่การตลาดทั้ง 31 ราย มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2554 ดังนี้
1. สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลา 2 เดือน จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายขจิตสักก์ ชลิตอาภรณ์ ผู้ติดต่อ
กับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)
2. สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลา 1 เดือน จำนวน 12 ราย ได้แก่ นางสาวนงลักษณ์ เกษทรัพย์
นางสาววราภรณ์ บุตรพลอย และนางสาววิลาวัณย์ สาระทรัพย์ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์
ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) นายนพรัตน์ สุขแสนนพคุณ และนางสาวพิมพ์ลดา พัฒนะวราโรจน์ ผู้ติดต่อกับ
ผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) นายคมกฤต แก้วเนิน ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด นางสาวนิสารัตน์ หาญพิมาย นายเอกบงกช มานะพันธุ์นิยม และนายสมพล
สัจจาพิทักษ์ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นางวรรณา
อรรถจารุสิทธิ์ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และนายวิโรจน์ เดชะผล
และนางสาวศัลย์ศยา โชคทวีรัตน์ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
3. ตำหนิพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จำนวน 18 ราย ได้แก่
1. นายไกรศักดิ์ ธัญญานุรักษา 10. นางสาวณฐินี พานิชพันธ์
2. นางสาวอนงค์นาถ ศรีสุข 11. นายเนรมิต โสภาพร
3. นายวิโรจน์ ทองฤกษ์ฤทธิ์ 12. นางสาวคนึงนิจ อาทยะกุล
4. นายวรพจน์ ศิริงาม 13. นายเทพฤทธิ์ ทองโอฬาร
5. นายวีรพงศ์ สิริสัมฤทธิ์ 14. นางสาวสุคนธา ชัชวาลย์
6. นางสาวสุมนรัตน์ ไตรภพภูมิ 15. นางสาวจันทราภา วงศ์ไพบูลย์
7. นางสาวพรปวีณ์ จันทร์คำ 16. นายสมชาย พิเชษฐสุภกิจ
8. นางอุษณีย์ งามจิตสุขศรี 17. นายวัชรินทร์ อรุณแสงสุรีย์
9. นายกนก รัตนไพบูลย์สวัสดิ์ 18. นางสาวอนุสรา เชื้อคำ
10. นางสาวณฐินี พานิชพันธ์
11. นายเนรมิต โสภาพร
12. นางสาวคนึงนิจ อาทยะกุล
13. นายเทพฤทธิ์ ทองโอฬาร
14. นางสาวสุคนธา ชัชวาลย์
15. นางสาวจันทราภา วงศ์ไพบูลย์
16. นายสมชาย พิเชษฐสุภกิจ
17. นายวัชรินทร์ อรุณแสงสุรีย์
18. นางสาวอนุสรา เชื้อคำ