บลจ.ทิสโก้ ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงเติบโต แนะลงทุนหุ้นจีน เพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทน

พุธ ๒๕ มกราคม ๒๐๑๒ ๑๖:๓๘
บลจ. ทิสโก้ ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงเติบโต แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ยังคงต้องจับตาการแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรป ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เห็นสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ด้านเอเชียยังเป็นพระเอกต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยจีนยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ระบุธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย หนุนดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง แนะการลงทุนที่เหมาะสมควรเลือกลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะหุ้นจีน และทองคำ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี ล่าสุดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 10% # 3” เพิ่มทางเลือกในการลงทุน ไอพีโอ 25 ม.ค. - 1 ก.พ 55 ที่ บลจ.ทิสโก้และธนาคารทิสโก้ทุกสาขา

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกน่าจะมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยความเสี่ยงสำคัญที่จะมาฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจโลกก็คือปัญหาหนี้ในยุโรป ที่ยังคงต้องติดตามถึงความชัดเจนเกี่ยวนโยบายที่จะนำมาใช้แก้ไขปัญหาหนี้ภาครัฐที่อยู่ในระดับสูง ด้านเศรษฐกิจเอเชียยังคงเป็นแรงหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ปีนี้เศรษฐกิจเอเชียน่าจะยังคงเติบโตในระดับที่ดี แม้ว่าจะมีการขยายตัวในอัตราที่น้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากภาคส่งออกไปยังสหรัฐและยุโรปที่ชะลอตัวลง แต่ด้วยเศรษฐกิจเอเชียมีแรงผลักดันมาจากการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก จึงทำให้อัตราการขยายตัวยังคงเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ เศรษฐกรอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (Dr.Kampon Adireksombat, Senior Economist, TISCO Economic Strategy Unit) กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปี 2555นี้คาดว่าจะชะลอตัวลง โดยปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าความไม่แน่นอนในยุโรปจะมีค่อนข้างสูงในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงที่ประเทศ กรีซ อิตาลี และ สเปน จะมีการชำระหนี้คืนค่อนข้างมาก นอกจากนั้นภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปจะต้องเพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Tier-1 capital ratio) ให้ได้ 9% ตามที่ European Banking Authority กำหนดอีกด้วย ทั้งนี้จากตัวเลขประมาณการล่าสุดของทาง International Monetary Fund (IMF) คาดว่า เศรษฐกิจยุโรปในปี 2555 จะหดตัว 0.5%

สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในปี 2555น่าจะยังคงอัตราการเติบโตในระดับต่ำต่อไป แม้อัตราการว่างงานล่าสุดลดลงมาอยู่ในระดับ 8.5% แต่ยังไม่ได้ส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจอื่น เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยทาง IMF คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวได้ 1.8% สำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปีนี้น่าจะมีการฟื้นตัวได้จากการหดตัวของเศรษฐกิจในปีที่แล้วซึ่งได้รับผลกระทบจาก Supply disruption จากเหตุการณ์ Tsunami ในญี่ปุ่น และภาวะน้ำท่วมในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะอยู่ในระดับต่ำ โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นปี 2555 จะขยายตัวได้ 1.7%

ด้านเศรษฐกิจจีนในปี 2555 ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลดลง น่าจะทำให้การส่งออกของจีนชะลอลงตามไปด้วย ซึ่งส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงจากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม IMF คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตได้ในระดับ 8.2% นอกจากนั้น ด้วยแนวโน้มเงินเฟ้อในจีนที่ลดลง โดยล่าสุดอัตราเงินเฟ้อของจีนอยู่ที่ระดับ 4.1% ซึ่งใกล้เคียงกับกรอบเงินเฟ้อของทางการจีนที่ 4% ดังนั้น จึงมีโอกาสค่อนข้างสูงที่ ธนาคารกลางจีนจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ด้านนางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Miss Vorasinee Sangvornvetphan, Head of Wealth Advisory, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) กล่าวว่า จากแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลาย ของธนาคารกลางในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงไทยด้วยนั้น จะส่งให้ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อจากนี้อยู่ในช่วงขาลง ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) รวมถึงการเงินฝาก อาจจะให้ผลตอบแทนที่ไม่จูงใจเท่าที่ควร ดังนั้นหากผู้ลงทุนต้องการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี ควรให้น้ำหนักไปที่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ได้แก่ หุ้นและทองคำ เป็นต้น

ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นนั้น ยังคงแนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นจีนเป็นหลัก เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจจีนยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับตลาดหุ้นจีน เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว ถือว่าเป็นตลาดที่ถูกที่สุดและมี Upside สูงที่สุดมากกว่า 50% โดยคาดว่า P/E ตลาดหุ้นจีนปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณ 8 เท่า มาอยู่ที่ระดับมากกว่า 12 เท่า สำหรับการลงทุนในทองคำนับเป็นอีกทางเลือกที่ดี เนื่องจากความต้องการทองคำในตลาดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ ที่หันการถือครองเงินสกุลดอลลาร์สรัฐฯ มาเป็นทองคำ เพื่อใช้เป็นทุนสำรอง อีกทั้งทองคำยังมีคุณสมบัติที่ดีคือช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวม

นายสาห์รัช กล่าวเพิ่มเติมว่า จากปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว บลจ.ทิสโก้ จึงประเมินว่าในตอนนี้นับเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่นักลงทุนจะทำการเพิ่มพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) โดยเฉพาะประเทศจีน เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมของจีนยังมีการขยายตัวในอัตราที่สูง และปัญหาเงินเฟ้อคลี่คลายอย่างชัดเจน นโยบายการเงินจะกลับมาผ่อนคลายหลังจากเข้มงวดมาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีแนวโน้มที่ดี และเหมาะที่นักลงทุนจะเลือกเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุน

ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ ได้เสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 10% # 3” (TISCO China Trigger 10% Fund # 3) อายุโครงการประมาณ 1 ปี มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF China Enterprise (HSCEI) (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ประเภทกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI)

ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 10% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11.0000 บาท โดยจะเสนอขายตั้งแต่วันนี้ -1 ก.พ. 55 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท โดยผู้สนใจกองทุนดังกล่าวสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

" เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ "

“เนื่องจากกองทุนมีการกำหนดเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อนกำหนด ผู้ลงทุนควรตระหนักว่า การกำหนดอัตราผลตอบแทนในเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อนกำหนด มิได้เป็นการรับประกันหรือทำให้คาดหวังว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามอัตรานั้น”

ขอบคุณสำหรับการเผยแพร่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 633 6000 กด 4

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO