มร. ไมเคิล วิลตัน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า บริษัท แม็ค บรู๊ค เอ็กซิบิชั่น ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญของอุตสาหกรรมเครื่องยึด ซึ่งความต้องการสินค้าเครื่องยึดและส่วนประกอบมีสูงขึ้นด้วยแรงสนันสนุนจากแนวโน้มที่สดใสของอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ใช้สินค้ากลุ่มนี้ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเลคโทรนิคส์ สาธารณูปโภค และสนามบิน นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีศักยภาพที่มากขึ้นในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตในอาเซียน
“เนื่องจากว่าขณะนี้ยังไม่มีงานแสดงสินค้าที่มุ่งเน้นเฉพาะในการนำเสนอสินค้าเครื่องยึดเพื่อสร้างการค้าสำหรับอุตสาหกรรมนี้ในภูมิภาค ดังนั้นเวลานี้จึงมีความเหมาะสมในการจัดงาน Fastener Fair ในตลาดประเทศไทย ผู้ร่วมจัดแสดงสินค้าจะมีการนำเสนอสินค้าที่ช่วยประหยัดต้นทุนซึ่งในที่สุดแล้วจะทำให้ผู้ใช้สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ ถึงแม้ว่าต้นทุนของสินค้าเครื่องยึดและส่วนประกอบแต่ละชิ้นจะมีราคาไม่สูง แต่ด้วยปริมาณการใช้ที่มาก ทำให้การประหยัดโดยรวมมีประสิทธิภาพเมื่อมีการลดราคาของสินค้าแต่ละชิ้นลงไป” มร. วิลสันกล่าว
งาน Fastener Fair Thailand 2012 นี้เป็นการนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดด้านเทคโนโลยีและทางออกที่เหมาะสมในเรื่องต้นทุนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเลคโทรนิคส์ สาธารณูปโภค สนามบิน และการผลิตทั่วไป โดยเป็นการจัดขึ้นในใจกลางประเทศไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้วย โดยในงานนี้มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า120 รายจากต่างประเทศและประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีพาวิลเลียนนานาชาติด้วย โดยคาดว่าจะมีนักธุรกิจเข้าชมงานไม่น้อยกว่า 5,000 คน
นายมังกร ธนสารศิลป์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องยึดและส่วนประกอบต่างๆ เป็นอุตสาหกรรมที่มีส่วนสำคัญในการผลิตสินค้าหลาก หลายชนิด เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมจำเป็นในห่วงโซ่การผลิตสินค้า เช่น อิเลคโทรนิคส์ ยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งอุตสาหกรรมที่ถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศคือ อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องใช้เครื่องยึดและส่วนประกอบมากที่สุด
ประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ในเอเชียโดยสามารถผลิตรถยนต์ได้เกิน 1 ล้านคันตั้งแต่ปี 2548 และในปี 2555 นี้ สถาบันยานยนต์คาดว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตได้เกิน 2 ล้านคัน และทำให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศผู้ผลิตยานยนต์ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก โดยประมาณครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตเป็นไปเพื่อการส่งออก ในช่วงเดือนมกราคม ถึง เดือนพฤศจิกายน 2554 ประเทศไทยผลิตรถยนต์ได้รวม 1,358,369 คัน ลดลง 9.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 ทั้งนี้เนื่องจากผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น และภาวะน้ำท่วมหนักในประเทศไทย
“ในครึ่งแรกของปี 2555 นี้ คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์โลกและในประเทศไทยจะมีการฟื้นตัว ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการมากขึ้นของชิ้นส่วนยานยนต์ ดังนั้นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะหลั่ยยานยนต์ที่มีมากกว่า 2,000 รายในประเทศ จะต้องผลิตสินค้าเพื่อป้อนอุตสาหกรรมภายในและเพื่อส่งออกไปสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่ก่อนหน้านี้ได้เผชิญภาวะสินค้าขาดแคลน โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 คาดว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์จะมีการเติบโต 12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยดูจากคำสั่งซื้อที่เริ่มมีเข้ามาแล้ว ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนพฤศจิกายน 2554 ประเทศไทยส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์มูลค่า 14,778.45 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปีในปี 2553 ที่ 14,451.10 ล้านบาท ด้วยอนาคตที่สดใสในอุตสาหกรรมยานยนต์ ธุรกิจเครื่องยึดและส่วนประกอบจะมีการเจริญเติบโตตามไปด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งจะสร้างผลต่อเนื่องไปยังการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม” นายมังกรกล่าว
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายงานแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า “การสนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าของไทยให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับอาเซียนนับเป็นพันธกิจหลักของ สสปน. ภายใต้แคมเปญ Believe in Thailand มั่นใจเมืองไทยพร้อม โดยยุทธศาสตร์การแสดงสินค้าไทยปี 2555 จะเน้นสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งแนวโน้มของงานที่จะเข้ามาจัดในภูมิภาคนี้จะเป็นงานที่มีลักษณะ profile งานเฉพาะด้าน แต่ยังอยู่ในภาคอุตสาหกรรมหลักของประเทศและภูมิภาค”
การสนับสนุนงาน Fastener Fair Thailand 2012 นับเป็นงาน New Show ในปี 2012 เป็นงานสำคัญที่ทั้งผู้จัดงาน ผู้ร่วมแสดงงาน และผู้เข้าชมงาน ได้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมเครื่องยึดและส่วนประกอบต่างๆ สถานที่จัดงานที่ได้มาตรฐานระดับโลก ศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก การบริการอย่างมืออาชีพ สสปน. สนับสนุนการจัดงาน Fastener Fair Thailand 2012 ด้วยการจัดกิจกรรมแฟมทริป เพื่อเยี่ยมชมสถานที่จัดงานแสดงสินค้า ตลอดจนการช่วยจัดทำการศึกษาตลาดของอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้จัดงานได้เกิดความเข้าใจและเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาค รวมทั้งให้การสนับสนุนกิจกรรมการตลาดในต่างประเทศ เสนอโปรโมชั่นการตลาดสำหรับผู้เข้าร่วมชมงาน Fastener Fair Thailand 2012 อาทิ แคมเปญ 100 A-HEAD สำหรับการดึงกลุ่มผู้ชมงานจากประเทศต่างๆ ในกลุ่มประเทศ อาเซียนพลัสซิกและโปรแกรม Be My Guest ในการให้ห้องพักสำหรับผู้ซื้อรายใหญ่
“สสปน. มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดงาน Fastener Fair Thailand 2012 จะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงเปิดเจรจาการค้าธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาเซียน ซึ่งไทยได้ให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มนี้เพื่อเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นอกจากนี้การจัดงานดังกล่าวจะทำให้เป้าหมายผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ปี 2555 เป็นไปตามที่ตั้งไว้คือ 750,000 คนและสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 60,120 ล้านบาท โดยในภาคอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าตั้งเป้ารายได้กว่า 8,000 ล้านบาท” นางศุภวรรณ กล่าวสรุป
งาน Fastener Fair มีการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองสตุ๊ตการ์ท ประเทศเยอรมนี ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้พัฒนาเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติหลักสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องยึดและส่วนประกอบ จากนั้นได้มีการขยายการจัดงานนี้ไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นงาน Fastener Fair ในเมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี งาน Fastener Fair ในอินเดีย งาน Fastener Fair ในบราซิล และมาถึงงานที่น่าตื่นเต้นที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งงาน Fastener Fair Thailand 2012 นี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2555 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา