รุ่งเช้าหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย 2สารถีจากฝั่งลาว “พี่สีพัน และ พี่สุธี” ที่มารับถึงที่พัก เดินทางสู่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว มุ่งหน้าสู่นครเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พอมาถึงนครเวียงจันทน์ได้มาสักการะ “พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี” ถือว่าเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเมื่อมาถึงนครเวียงจันทน์ หลังจากนั้นก็ปั่นจักรยานมุ่งหน้าสู่“ประตูชัย หรือ ปะตูไซ” ซึ่งมีความเชื่อว่า ถ้าใครได้เดินขึ้นบันไดของประตูชัย 147 ขั้น แล้วจะได้มีคู่เป็นชาวลาว เมื่อพิธีกรนักปั่นทั้ง 4 คน อิ่มเอมกับความงามของประตูชัยเป็นที่เรียบร้อย ก็แวะไปกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านเฝ่อในซอยข้าง ๆ ประตูชัย ซึ่งพี่ไมค์ บอกว่า รสชาติแซบมาก ๆ
หลังจากอิ่มหนำกับเฝ่อรสชาติเด็ดแล้ว ก็ปั่นจักรยานชมนครเวียงจันทน์มุ่งหน้าสู่ “หอพระแก้ว” เป็นหอที่เคยประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ก่อนที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร” นั่นเอง ต่อมาพิธีกรทั้ง 4 จูงจักรยานคู่ใจเดินข้ามฝั่งถนนมายัง “วัดสีสะเกด หรือ วัดสะตะสะหัสสาราม” ซึ่งเป็นวัดแรกที่ถูกสร้างขึ้นในนครเวียงจันทน์ และประดิษฐานพระพุทธรูปองค์เล็กองค์ใหญ่นับ พัน ๆ องค์ เลยทีเดียว หลังจากนั้นเก็บจักรยานขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ “กุ๋ยหลิน เมืองลาว” หรือที่รู้จักกันในนาม “วังเวียง” ซึ่งเส้นทางเป็นทางขึ้นเขาจะมองเห็นวิถีชีวิตของชาวเขาของเมืองลาว ทัศนียภาพอันสวยงามของเทือกเขาที่สลับทับซ้อนกันจนสุดสายตา เป็นระยะทางโดยประมาณ 170 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงก็มาถึงที่พัก “ถาวรสุข รีสอร์ท”แวะพักกินข้าวและเข้าที่พักกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นทั้ง 4 คนตื่นเช้าขึ้นมาสูดบรรยากาศธรรมชาติ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทัศนียภาพที่ที่อยู่ตรงหน้าเป็น “แม่น้ำซองไหลตัดผ่าน เทือกเขาสีเขียวถูกปกคลุมด้วยหมอกสีขาว ต้องแสงจากพระอาทิตย์ยามเช้า” ทุกคนพูดได้คำเดียวว่า “สุดยอด” หลังจากนั้น “คุณอารมณ์ ถาวรสุข” เจ้าของ “ถาวรสุข รีสอร์ท” ท่ามกลางสายหมอกและขุนเขา ได้ออกมาต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี หลังจากนั้นปั่นจักรยาน เยี่ยมชม“วังเวียง” ซึ่งพิธีกรนักปั่นทั้ง 4 คน ก็ปั่นจักรยานกันท่ามกลางแดดของวังเวียง แต่เพราะความงดงามของวังเวียง ทำให้ไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด หลังจากนั้นก็ต้องลา “วังเวียง” ไปเพื่อมุ่งหน้าสู่หลวงพระบาง โดยใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง ระยะทาง 240 กิโลเมตร
เมื่อมาถึงก็เป็นเวลาค่ำแล้ว แวะรับประทานอาหารกันที่ “ร้านตำหนักลาว” ก่อนที่จะเข้าที่พักกันที่ “แม่โขง ฮอลิเดย์ วิลล่า บาย ซานเดรีย” ซึ่งมี “มร.แดน” เจ้าของ “แม่โขง ฮอลิเดย์ วิลล่า บาย ซานเดรีย” ให้การต้อนรับ พอวันรุ่งขึ้น“ไมค์, แป๊ะ, โอ และ แพร” ได้มีโอกาสที่จะตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งเป็นประเพณีของชาวหลวงพระบางทีม Bike Finder Thailand นั่งบนเสื่อสะพายผ้าเตรียมกระติบข้าวเหนียวใส่บาตร โดยที่มีแถวของพระภิกษุและสามเณรเดินมาบิณฑบาตรนับร้อย ๆ รูปเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็เดินดูวิถีชีวิตชาวหลวงพระบางกันที่ตลาดเช้า ด้านหลัง “วัดใหญ่ สุวันนะพูมาราม”ซึ่งจะมีของขายคล้าย ๆ กับตลาดสดที่ ต่อมา “ไมค์, โอ และแพร” ก็ปั่นจักรยานชมเมืองหลวงพระบาง มุ่งหน้าสู่ “หอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง” ซึ่งเดิมทีแต่พระราชวัง ตั้งอยู่บน “ถนนสักกะลิน” ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2447 หลังจากนั้นก็ปั่นจักรยานมุ่งหน้าสู่ “วัดเชียงทอง” ซึ่งถือว่าเป็นวัดคู่บ้าน คู่เมืองของชาวหลวงพระบาง ซึ่ง “ไมค์” ได้พาไปดูสิ่งสำคัญ ๆ ของ “วัดเชียงทอง” ไม่ว่าจะเป็น “สิม (อุโบสถ) ของวัดที่มีช่อฟ้าถึง 17 ช่อ, โรงเมี้ยนโกศ ซึ่งเก็บพระโกศและราชรถของกษัตริย์, หอพระม่าน, หอพระพุทธไสยาสน์” แต่ที่เป็นไฮไลท์ของวัดเชียงทองคือ จิตรกรรมฝาผนัง “ต้นทอง” ทำจากกระจกโมเสกเป็นรูปต้นทอง ซึ่งงดงามมาก ๆ หลังจากนั้นก็กลับที่พักและไปช้อปปิ้งกันที่ตลาดค่ำ
เช้าวันรุ่งขึ้น “ไมค์, โอ และแพร” ก็เตรียมความพร้อมของร่างกายแต่เช้าโดยที่ไปเติมพลังกันที่ “ร้านประชานิยม” เป็น “สภากาแฟ” แห่งแรกในหลวงพระบาง หลังจากนั้นก็เดินขึ้นบันได 328 ขั้นเพื่อขึ้นไปสักการะ “พระธาตุพูสี”สามารถชมความงดงามในมุมสูงของหลวงพระบางแบบ 360 องศา ซึ่งเป็นภาพประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจบน “พระธาตุพูสีขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ “ตาดกวางสี หรือ น้ำตกกวางสี” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของหลวงพระบาง
วันสุดท้ายที่หลวงพระบางเป็นวันที่ต้องเดินทางกลับอุดรธานีเพื่อขึ้นเครื่องกลับ ออกเดินทางตั้งแต่ ตี 4 นั่งรถมาได้สักระยะ ทางทีม Bike Finder Thailand ก็ได้เจอกับเหตุการณ์ ดินถล่มทับเส้นทางกลับจาก “หลวงพระบาง — วังเวียง” ตรง“พูเลย”จึงทำให้เดินทางต่อไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ต้องอดทนรอประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง จึงสามารถออกจาก “พูเลย” ได้ ทำให้ทุกคนดีใจมาก ๆ แต่ก็ทำให้ทีมตกเครื่องกันทั้งทีม แต่ด้วยบริการที่ดีของ “สายการบินนกแอร์” ที่ให้ทีม Bike Finder Thailand เลื่อนไฟล์ทบินได้ แต่ต้องไปพักที่เวียงจันทน์ก่อนอีก 1 คืน แต่ก่อนที่จะถึงเวียงจันทน์ ไปแวะรับประทานอาหารกันที่ “ภูเพียงฟ้า” ซึ่งก็สมชื่อ “ภูเพียงฟ้า” จริง ๆ ซึ่งสามารถเอามือสัมผัสกับเมฆหมอกที่ลอยอยู่ได้เลยทีเดียว หลังจากนั้นก็เดินทางสู่อุดรธานีเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ สำหรับทริปประทับใจของ Bike Finder Thailand ในครั้งนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบจริง ๆ ได้เห็นมิตรภาพของกลุ่ม ได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงาม ได้เข้าใจถึงวิถีชาวบ้าน และประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ ถือว่าครบทุกรสชาติจริง ๆ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณสายการบิน “นกแอร์” ที่ทำให้เราเดินทางกลับกรุงเทพอย่างสะดวกสบาย, www.agoda.comที่ทำให้พวกเราเจอที่พักสวย ๆ บรรยายกาศสุดยอดทำให้ลืมไม่ลง และสุดท้ายต้องขอขอบคุณ “ถาวรสุข รีสอร์ท”ที่วังเวียงรีสอร์ทริมแม่น้ำซองที่บรรยากาศเกินจะบรรยาย และ “แม่โขง ฮอลิเดย์ วิลล่า บาย ซานเดรีย”รีสอร์ทที่แสนจะอบอุ่นในหลวงพระบาง ที่ให้ที่พักพิงกับพวกเรา Bike Finder Thailand ระหว่างที่อยู่ที่ สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
สามารถติดตามรายการ Bike Finder Thailand และสัมผัสกับทัศนียภาพอันสวยงามของลาว รวมถึงมิตรภาพระหว่างทางได้ในตอน Bike Finder Chic Backpack in Laos ออกอากาศทาง Mango TV ทุกวันเสาร์เวลา 9.30 — 10.00 น. ในเดือนมีนาคม 2555 นี้ หรือ www.mangotv.tvและติดตามรายละเอียดข่าวสารของ Bike Finder Thailand ได้ทาง www.facebook.com/bikefinderaddfriends