“การประกาศจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชี ที่เร็วกว่าปกติ ซึ่งบลจ. กสิกรไทยมองว่า จะเป็นประโยชน์และเป็นธรรมมากกว่ากับผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่ถือหน่วยลงทุนอยู่ก่อนการเพิ่มทุนจดทะเบียนที่จะได้รับผลตอบแทนนี้ก่อนที่สัดส่วนการถือหน่วยลงทุนจะเปลี่ยนแปลงจาก การเพิ่มทุน สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน WHAPF ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ และหากนับรวม การจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมา กองทุนฯ มีการประกาศจ่ายเงินปันผลแล้ว 4 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 0.8035 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล หรือ dividend yield ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 7.07 % ต่อปี มูลค่าเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 103.09 ล้านบาท ในด้านรายได้จากค่าเช่า พื้นที่คลังสินค้าและโรงงานที่กองทุนลงทุนอยู่เดิมกว่า 39,800 ตารางเมตร มีอัตราการเช่าเต็ม 100% จากผู้เช่าที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากลอย่างบริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ คาโอ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกในการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือนและส่วนบุคคลตลอดทั้งเคมีภัณฑ์ต่างๆ พร้อมด้วยบริษัท ไพรมัส อินเตอร์เนชั่นแนล กรุงเทพฯ จำกัด ผู้ผลิตและประกอบชิ้นส่วนอากาศยานรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ การเพิ่มทุนของกองทุน WHAPF เพื่อเข้าลงทุนในคลังสินค้าและโรงงานเพิ่มเติมอีก 4 โครงการ ก็มีผู้เช่าที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากลเช่นเดียวกัน ได้แก่ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด หรือดีทแฮล์มเดิม ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการการกระจายสินค้าครบวงจร และบริษัทดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก การเพิ่มทุนครั้งนี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้กองทุนมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะยาวมากกว่า 6 ปี ซึ่งเป็นการทำสัญญาในระยะยาวกว่าสัญญาเช่าทั่วไป” นายอำพลกล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการจดทะเบียนเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ลงทุน จนมียอดจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนเข้ามาเต็มมูลค่า1,827 ล้านบาท เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น นายอำพลกล่าวว่า ขณะนี้ บลจ. กสิกรไทย ดำเนินการจัดสรรหน่วยลงทุนแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเตรียมการนำหน่วยลงทุนเพิ่มทุนดังกล่าวยื่นจดทะเบียนต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำหน่วยลงทุนส่วนเพิ่มทุนนี้เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในสัปดาห์สุดท้ายของกุมภาพันธ์ 2555 ตามเป้าหมาย โดยผู้ลงทุนทั่วไปที่ไม่สามารถจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนของกองทุน WHAPF สามารถเข้าซื้อ-ขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าวภายใต้ชื่อ WHAPF ได้ตามราคาตลาดฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ เมื่อกองทุนได้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตามวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว บลจ.กสิกรไทย จะดำเนินการยื่นขอเปลี่ยนชื่อกองทุนเพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนใน สิทธิการเช่าต่อไป
เมื่อจดทะเบียนหน่วยลงทุนเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) จะมีมูลค่าโครงการรวม 3,110 ล้านบาท โดยกองทุนมีการลงทุนในอาคารคลังสินค้า 4 โครงการพร้อมด้วยอาคารโรงงาน 2 โครงการ ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์การขนส่งและโลจิสติกที่ครอบคลุม การกระจายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบด้วย คลังสินค้า คาโอ 1 และ 2 ที่ตั้งอยู่ใน จ.ชลบุรี อาคารคลังสินค้า DKSH จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ คลังสินค้า DKSH Consumer และคลังสินค้า DKSH 3M บริเวณ ถ. บางนา-ตราด กม.20 (ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) พร้อมคลังสินค้า DKSH ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนโรงงานอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงงาน Primus และ โครงการโรงงาน Ducati ซึ่งทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือ www.kasikornasset.com
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน