นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2555 กองทุนรวมของ บลจ. กสิกรไทยยังคงมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวม โดย ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 กองทุนรวมของบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 9,279 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 1.75% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2554 ในขณะที่ทั้งอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 1.24%
“โดยภาพรวมแล้ว การเติบโตของทั้งอุตสาหกรรมกองทุนรวมตั้งแต่ต้นปีเป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก ส่วนปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมส่วนหนึ่งมาจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ และอีกด้านหนึ่งจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่เป็นกองทุนใหม่และกองทุนที่ได้ประโยชน์จากราคาประเมินที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับกองทุนรวมของ บลจ. กสิกรไทย ที่เติบโตขึ้นถึง 9,279 ล้านบาทนั้น มาจากเม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้ามายังกองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ หรือ กองทุน Term Fund ที่เราเปิดขายกองทุนใหม่ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งแต่ละกองทุนล้วนได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนที่ยังคงให้ความไว้วางใจ บลจ. กสิกรไทย อย่างต่อเนื่องและต้องการทางเลือกที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนน่าสนใจในช่วงดอกเบี้ยขาลง” นายอำพลกล่าว
นายอำพล กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มดอกเบี้ยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นความท้าทายสำหรับทีมผู้จัดการกองทุนของ บลจ. กสิกรไทย ในการแสวงหาตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาผสมผสานในพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจให้แก่ผู้ลงทุน โดยบลจ. กสิกรไทย ยังคงมุ่งตอบโจทย์ของผู้ลงทุนอย่างครอบคลุมทั้งการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักในปีนี้ที่ บลจ. กสิกรไทยจะมุ่งนำเสนอทางเลือกในการลงทุนที่สร้างความมั่งคั่งควบคู่กับความมั่นคงทางเงินในอนาคต
โดยกองทุนตราสารหนี้ที่ บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขายในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน เอแอล (KFI6AL) ประมาณการณ์อัตราผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ควบคู่กับตราสารหนี้ State Bank of India ประเทศอินเดีย ตราสารหนี้ระยะสั้น ICBC (Asis) สาขาฮ่องกง เงินฝาก ICICI Bank ประเทศอินเดีย และเงินฝาก Bank of China สาขาฮ่องกง พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยจะเสนอขายพร้อมกันกับกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน แซท (KPPTF3MZ) ซึ่งมุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ซึ่งคาดว่าจะให้โอกาสรับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี ทั้งนี้ ผลตอบแทนจากทั้ง 2 กองทุนสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยไม่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 15%
ผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถลงทุนกับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน เอแอล (KFI6AL) และกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน แซท (KPPTF3MZ) ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือ ติดต่อ KAsset Contact Center 0 2673 3888
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
กองทุน KFI6AL มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินของหลักทรัพย์ที่ลงทุน
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน