นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ไทยในส่วนของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ เริ่มมีพัฒนาการสูงขึ้นกว่าในอดีต โดยจากผลสำรวจกลุ่มผู้เช่าในแถบประเทศกลุ่มเอเชีย กลุ่มยุโรป และกลุ่มอเมริกา ล่าสุดพบว่า การดำเนินชีวิตของชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกรรมต่างๆ ในไทย ต้องการความละเอียดอ่อนในการดำเนินชีวิตมากขึ้นกว่าอดีต ดังจะเห็นได้จากการสร้างชุมชนเพื่อความเป็น กลุ่มก้อนในการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น อันเป็นสัญญาณดีที่เชื่อได้ว่าตลาดกำลังจะเติบโตอย่างเป็นแบบแผน
“ตลาดผู้เช่ากลุ่มยุโรปและอเมริกัน ยังเลือกโซนราชดำริ เพลินจิต และแนวรถไฟฟ้าย่านสุขุมวิทตอนต้น ส่วนใหญ่จะเลือกเช่าคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสุขุมวิทเป็นหลัก แต่จะกระจายไปยังย่านราชดำริ เพลินจิต หลังสวน สุขุมวิทตอนต้น และมีแนวโน้มที่จะกระจายไปยังย่านสุขุมวิทตอนปลาย ส่วนใหญ่ จะอยู่กันแบบกระจายไม่เป็นชุมชนเหมือนชาวเอเชีย และยังมองเรื่องทำเลและราคาเป็นปัจจัยหลัก ในขณะที่ ชาวญี่ปุ่นเลือกที่จะอยู่ในย่านสุขุมวิทตอนกลางระหว่างอโศกถึงเอกมัย โดยคอนโดย่านสุขุมวิท 24, 31, 39, 49, 55 (ซอยทองหล่อ) ยังได้รับความนิยมมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือทำเลโซนสุขุมวิท 23, 26, 53, 60 และซอยเอกมัย เหตุผลสำคัญเนื่องมาจากผู้เช่าชาวญี่ปุ่นมักอาศัยอยู่รวมกันแบบชุมชนเพราะรู้สึกอุ่นใจเรื่อง ความปลอดภัย และในย่านดังกล่าวยังตอบโจทย์กลุ่มแม่บ้านชาวญี่ปุ่นด้วยแหล่งช็อปปิ้งชั้นนำ ซุปเปอร์มาร์ เก็ต ร้านอาหาร โรงพยาบาล และที่สำคัญสะดวกเรื่องระบบคมนาคมอันทันสมัย ส่วนชาวเกาหลี จะนิยมอาศัยอยู่บริเวณย่านพระราม 3 หรือถนนรัชดาภิเษก และมักจะเลือกเช่าที่พักอาศัยในทำเลที่มี คนชาติเดียวกันเช่าอยู่เดิม เพื่อสร้างความเป็นชุมชนและเกิดความอบอุ่นใจ ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ราคาหรืออัตรา ค่าเช่าถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเช่าที่อยู่อาศัย ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ถือเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ ต้องการลงทุน เพื่อให้เข้าใจและใช้เป็นแนวทางในการเดินตกแต่งและเลือกใช้บริษัทตัวแทนที่มีฐานข้อมูล ผู้เช่าหรือผู้ซื้อที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวที่สุด” นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กล่าว
และประเด็นที่ว่า “การเลือกเช่า-ซื้อ คอนโด” มีความละเอียดอ่อนเพิ่มขึ้นนั้นและปัจจัยใดบ้างที่ต้อง นำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่าแก่ชาวต่างชาติ นายอนุกูลกล่าว อธิบายในรายละเอียดเพิ่มเติมว่า “ความนิยมในเรื่องขนาดของห้องนั้น มีความแตกต่างกันในแต่ละชาติ โดยสำหรับกลุ่มผู้เช่าชาวยุโรปและอเมริกันในระดับผู้บริหารยังนิยมห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขนาด 150 ตารางเมตรขึ้นไปสำหรับคอนโดแบบ 2 ห้องนอนและขนาด 250 ตารางเมตรขึ้นไปสำหรับคอนโดแบบ 3 ห้องนอน ในขณะที่กลุ่มผู้เช่าที่มาคนเดียวมักจะมองหาห้องที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 60 ตารางเมตร แต่หากเป็นกลุ่มครอบครัวมักนิยมเช่าห้องชุดขนาดพื้นที่ 120 ตารางเมตร ส่วนกลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่น จะแตกต่างกันเพราะไม่นิยมห้องที่มีขนาดใหญ่มาก กรณีที่อาศัยเพียงคนเดียว ห้องพักขนาดพื้นที่ 40-50 ตารางเมตรก็เพียงพอกับความต้องการ แต่ในกรณีที่พักอาศัยเป็นครอบครัวหรือกลุ่มที่มีงบประมาณ ในการเช่าสูงมักจะเลือกเช่าห้องชุดขนาด 2 ห้องนอนเป็นหลัก”
ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ปัจจุบันถูกให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมาก ได้แก่ “สเน่ห์ในการตกแต่งและความครบครันของส่วนกลางในโครงการ” ที่ตอบโจทย์ผู้เช่าในแต่ละชาติ โดยกลุ่มผู้เช้าชาวยุโรปและอเมริกันมักจะต้องการห้องชุดที่โปร่ง เรียบง่าย เพื่อตนเองสามารถนำของตกแต่งที่ชอบเข้ามาจัดวางได้ ตามความพอใจ ในขณะที่กลุ่มผู้เช้าชาวเอเชียมักนิยมเช่าห้องชุดในลักษณะที่ตกแต่งครบและพร้อมเข้าอยู่ เป็นหลัก โดยสไตล์ที่นิยมคือ โอเรียลทอล ที่นำไม้เข้ามาเป็นองค์ประกอบและตกแต่งด้วยของน้อยชิ้นในสไตล์ Minimalist และนิยมห้องชุดที่มีอ่างอาบน้ำเพื่อแช่ในน้ำอุ่นยกเว้นในส่วนของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกับชาวยุโรปและอเมริกัน แต่กลับเห็นความสำคัญในเรื่องส่วนกลาง เพื่อออกกำลังกาย อาทิ สระว่ายน้ำและฟิตเนส แทน
“ศักยภาพความพร้อมและน่าเชื่อถือของบริษัทตัวแทนเช่าและบริษัทการบริหารจัดการโครงการ ถือเป็นหัวใจที่ผู้เช่าทุกชาติให้ความสำคัญมากโดยเฉพาะผู้เช่าที่ต้องพักอาศัยเป็นเวลานาน เพราะนอกจาก จะต้องเลือกบริษัทที่เป็นมิตรสามารถสื่อสารได้สะดวกและสามารถวางใจได้ในฐานะที่ปรึกษาแล้ว คุณภาพของ การบริหารโครงการที่ดีก็ถือเป็นจุดหลักในการประเมินเช่นกัน เพราะเป็นจุดแสดงให้เห็นถึงความสะดวกสบาย ในการพักอาศัยในต่างแดน ดังนั้นความพร้อมของบริการจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากจะลงทุนในเรื่องปล่อยเช่าห้องชุดในระยะยาวแล้วผู้ลงทุนไม่ควรมองข้ามปัจจัยดังกล่าว” นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กล่าวสรุป