นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bankกล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2554 ว่า “สิ่งที่ถือเป็นความก้าวหน้าของธนาคารในช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา คือ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 และ การยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ เมื่อธันวาคม 2554 จากการเพิ่มทุนเป็น 12,000 ล้านบาท นั้น ส่งผลให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารมีจุดแข็งที่สำคัญในด้านเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับสูงถึง 24.8% สูงที่สุดในระบบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ 15.1% จึงสามารถที่จะรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และสร้างความหลากหลายทางธุรกิจของธนาคารได้ในอนาคต
กำไรสุทธิของธนาคาร เพิ่มถึง 25.5% เทียบกับปีก่อน โดยกำไรสุทธิของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 44.2% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 105% และรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มสูงถึง 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สินทรัพย์ของธนาคารเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องไปกับการเติบโตของสินเชื่อ โดยสินทรัพย์และสินเชื่อของธนาคารเติบโตใกล้เคียงกัน ถึง 30% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบ โดยสินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ 54,947 ล้านบาท จากการเติบโตของสินเชื่อ SME อย่างก้าวกระโดดถึง 91% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ที่จะเพิ่มสัดส่วนของสินเชื่อ SME มากขึ้น จากเดิมที่สัดส่วนสินเชื่อ SME มีอยู่ 31% ขณะที่สินเชื่อรายย่อยมี อยู่ 69% ณ สิ้นปี 2553 ขยายเพิ่มเป็นสินเชื่อ SME 46% และสินเชื่อรายย่อยมาอยู่ที่ 54% ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารเล็งเห็นโอกาสที่จะเติบโตได้ เนื่องจากในช่วง 3-5 ปี ต่อจากนี้ไป เราจะเห็นการเพิ่มศักยภาพของ SME ภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น จากการผลักดันและการสนับสนุนโดยรัฐบาล เพื่อรองรับการเข้าสู่ “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ ASEAN Economic Community (AEC) ในปี 2558
อีกทั้ง ธนาคารมีนโยบายการให้สินเชื่อที่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพของสินทรัพย์และการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ ทำให้ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross NPL) อยู่ที่ 1.6% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของระบบ
นอกจากนี้ จากการแข่งขันด้านการหาแหล่งที่มาของเงินทุนในระบบธนาคารเพื่อรักษาสภาพคล่อง ธนาคารจึงขยายฐานเงินฝากอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารมีแหล่งที่มาของเงินทุนจำนวน 58,569 ล้านบาท เติบโตถึง 27.8% โดยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากที่หลากหลายผ่านช่องทางการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 44 สาขา ณ สิ้นปี 2554 และตั้งเป้าหมายขยายสาขาอีกจำนวน 17 สาขา เป็น 61 สาขา ในปี 2555 นี้ สอดคล้องกับเป้าหมายเงินฝากของธนาคารให้เติบโต 30%”
นางศศิธร กล่าวเพิ่มเติมว่า “หลังจากที่ธนาคารได้ยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2554 นั้น จะทำให้ธนาคารสามารถขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจของธนาคารให้เปิดกว้างครอบคลุมมากขึ้น การใช้เงินกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การอำนวยสินเชื่อสู่สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ รวมถึงการสร้างพนักงานให้มีประสิทธิภาพ และมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ขณะที่ Core Banking ของธนาคาร ดูแลด้วยระบบ Silver Lake ซึ่งเป็นระบบเดียวกันกับที่สถาบันการเงินในประเทศและสถาบันการเงินนานาชาติหลายแห่งในภูมิภาคนี้ใช้บริการ และแม้จะเป็นธนาคารขนาดเล็ก ธนาคารยังใส่ใจในการรักษาเสถียรภาพของระบบ Core Banking ด้วยระบบ Hot Site ของ IBM ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาทางด้านเทคนิคใดๆ นอกจากนี้ ธนาคารได้ใช้บริการจากบริษัท Deloitte มาเป็นที่ปรึกษาด้านระบบงานบัญชีตามเกณฑ์ IAS 39, IFRS 7 และ ระบบงาน Asset and Liability Management ธนาคารเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการและข้อมูล ให้มีความเสถียรภาพในระยาวที่เทียบเคียงได้กับธนาคารขนาดใหญ่
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2555 นี้ ธนาคารจะมุ่งเน้นการขยายการเติบโตทางธุรกิจในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องจากปี 2554 โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพของธนาคารในด้านต่างๆ ให้สามารถแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้นโดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายสินเชื่อให้เติบโตไม่น้อยกว่า 25%
ขณะที่แผนการขยายฐานเงินฝากจะเน้นกลยุทธ์การใช้สาขาในการบุกเบิกและสร้างฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งจะขยายการบริการไปยังส่วนภูมิภาคมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เน้นทำเลที่ตั้งใกล้แหล่งเศรษฐกิจและชุมชน โดยทุกสาขาของธนาคารมีบริการด้านธุรกรรมทางการเงินหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่อธุรกิจ, สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, ผลิตภัณฑ์ด้านเงินฝาก อาทิ เงินฝากไม่ประจำ ซึ่งปัจจุบันให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.75% อีกทั้งธนาคารมีแผนเปิดให้บริการ Internet Banking เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงธนาคารได้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะให้บริการได้ประมาณปลายปีนี้” นางศศิธร กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:
ส่วนโฆษณาและประชาสัมพันธ์ โทร. 02-359-0283, 081-208-6306