เมื่อเทคโนโลยีชั้นนำของยนตรกรรม รวมพลังกับกำลังไฟฟ้า พร้อมด้วยสมรรถนะอันทรงพลังและการขับขี่อย่างใส่ใจสภาพแวดล้อมจึงเกิดเป็นปอร์เช่ คาเยนน์ เอส ไฮบริด และพานาเมร่า เอส ไฮบริดใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่
คาเยนน์ เอส ไฮบริด ใหม่นี้ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ปอร์เช่พัฒนามานานนับ 10 ปี ซึ่งเป็นการทำงานด้วยกันระหว่าง เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรติดระบบอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จที่สามารถผลิตกำลังออกมาได้ 333 แรงม้า ทำงานควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ได้กระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอร์รี่ Nickel-Metal Hydride ที่บรรจุอยู่บริเวณท้ายรถ สามารถผลิตกำลังออกมาได้ 47 แรงม้า ทำให้เมื่อการขับขี่แบบ boosting หรือคิกดาวน์นั้น กำลังของทั้งสองระบบจะประสานกันและผลิตแรงม้าออกมาได้ถึง 380 แรงม้าหรือ 279 กิโลวัตต์ที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที และทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 242 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งความเร็วจาก 0-100 ได้ภายใน 6.5 วินาที ซึ่งสมรรถนะเหล่านี้เทียบเท่าได้กับเครื่องยนต์ V8 แต่ประหยัดการบริโภคเชื้อเพลิงได้มากกว่าถึง 22% และนี่คือเทคโนโลยีของปอร์เช่แบบระบบ Parallel Full Hybrid System ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้โดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวที่ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยเช่นกัน
พานาเมร่า แกรนทัวริสโม่รุ่นนี้มีขุมพลังอยู่อย่างเต็มพิกัด และพร้อมจะทะยานไปข้างหน้าได้อย่างโดดเด่นและเต็มไปด้วยความเป็นสปอร์ต ด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงสุดถึง 380 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมนั่นคือ 6.8 ลิตร/100 กิโลเมตรเพียงเท่านั้น (ตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC) อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อย Co2 เพียง 159 กรัม/กิโลเมตร พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถเครื่องยนต์ไฮบริด ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่โดดเด่น เมื่อวัดจากลักษณะความเป็นรถไฮบริด โดยพานาเมร่า เอส ไฮบริด สามารถเร่งเครื่องจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียงแค่ 6.0 วินาทีเท่านั้นและมีความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ที่ทำงานโดยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวนั้นสามารถวิ่งได้ยาวถึง 2 กิโลเมตร โดยประมาณหรือวิ่งได้จนถึงอัตราความเร็วที่ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ เครื่องยนต์ไฮบริดของปอร์เช่คือระบบเดียวในโลกที่สามารถใช้ประโยชน์จากการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งต้องขอบคุณต่อระบบที่เรียกว่า "Sailing" ที่ใช้ขับเคลื่อนบนมอเตอร์เวย์และถนนสายหลัก และจะทำการตัดการทำงานและปิดหน่วยขับเคลื่อน พาวเวอร์เทรน (powertrain) เมื่อความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จากการตอบรับและมียอดจำหน่ายอย่างล้นหลามของคาเยนน์ เอส ไฮบริด ที่ปรากฏออกสู่สายตาเหล่าคนหัวใจสปอร์ต ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ถึงความก้าวล้ำของเทคโนโลยีไฮบริดของปอร์เช่ที่โดดเด่นและแตกต่างเพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่หัวใจสปอร์ตอย่างแท้จริง
และในงานนี้ เอเอเอสฯ ยังเอาใจคนรักปอร์เช่ให้ร่วมเป็นเจ้าของสินค้าต่างๆ จาก Porsche Design Driver’s Selection ซึ่งได้รับการออกแบบตามแบบฉบับของความเป็นปอร์เช่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นโมเดลรถ เสื้อ หมวก พวงกุญแจและอีกมากมายในราคาพิเศษเพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์ปอร์เช่ได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันไปอีกด้วย
สำหรับประเทศไทย รถยนต์ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) และคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) พร้อมให้ท่านสัมผัสอย่างใกล้ชิดได้แล้วที่บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน และซื้อรถยนต์ปอร์เช่จากทางเอเอเอสเท่านั้นที่สามารถได้สิทธิ์การรับประกันจากโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีนาน 9 ปี ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย
โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือ เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th