ซิกน่าประกัยภัยโตแบบก้าวกระโดด ดันเบี้ยรับรวมและรายได้รวมปี 54 โต 80%

พฤหัส ๐๘ มีนาคม ๒๐๑๒ ๑๗:๓๔
ซิกน่าประกัยภัยโตแบบก้าวกระโดด ดันเบี้ยรับรวมและรายได้รวมปี 54 โต 80%โชว์ผลงานสร้างกำไรเป็นปีแรกนับแต่ก่อตั้ง พร้อมปรับตราสัญลักษณ์ใหม่สอดคล้องกันทั่วโลกเพื่อรองรับกลยุทธ์การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางของซิกน่าทั่วโลก

นายแกรี่ เวนย์ เด็นสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันสุขภาพผ่านช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งและการตลาดทางตรงในประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2554 ที่ผ่านมา เป็นปีที่บริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดและอย่างมีนัยสำคัญมาก โดยสรุปคือ ณ สิ้นปี 2554 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันรับปีแรก (ยอดขาย : ANP) รวมทั้งสิ้น 1,340 ล้านบาท มากกว่าเบี้ยประกันภัยรับปีแรก ณ สิ้นปี 2553 ที่มีเบี้ยอยู่ 994 ล้านบาท คิดเป็นยอดเติบโตถึง 35% ซึ่งซิกน่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตของยอดขายสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจ Cigna International HL&A (8 ประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิก) นอกจากนี้ ในส่วนของเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ (NWP) ณ สิ้นปี 2554 อยู่ที่ 1,291 ล้านบาท (เป็นตัวเลขที่รอผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบ) ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบกับเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ ณ สิ้นปี 2553 ที่มีอยู่ 717 ล้านบาท

และสำหรับรายได้รวม ณ สิ้นปี 2554 นั้น บริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,277 ล้านบาท โตขึ้น 80% จากรายได้รวม ณ สิ้นปี 2553 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 709 ล้านบาท ซึ่ง ซิกน่า ประเทศไทยก็เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของรายได้รวมสูงที่สุดในกลุ่มเช่นเดียวกัน

“จากการที่เราทำผลงานทั้งยอดขายและรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดดังกล่าวข้างต้น ทำให้สิ้นปี 2554 บริษัทฯ รับรู้ผลประกอบการเป็นกำไรเป็นครั้งแรกในการบันทึกบัญชีแบบ U.S.GAAP Report (การบันทึกบัญชีแบบสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นแบบภายในของซิกน่า) โดยบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 25 ล้านบาท ซึ่งถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่แสดงถึงความคืบหน้าของการดำเนินงานแบบก้าวกระโดดที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม สำหรับรายงานงบกำไรขาดทุนที่จัดส่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งเป็นการบันทึกบัญชีรับรู้รายจ่ายอีกแนวทางหนึ่งนั้น ณ สิ้นปี 2554 บริษัทฯ ลดการขาดทุนจากการดำเนินงาน เหลือขาดทุน 25 ล้าน” นายแกรี่กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ มียอดขายและรายได้รวมที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั้งๆ ที่ประสบปัจจัยลบทางด้านอุทกภัยน้ำท่วมในช่วงปลายปีนั้น เนื่องมาจาก บริษัทฯ ประสบผลสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิผลช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งซึ่งถือเป็นช่องทางหลักของบริษัท โดยการนำเอาเทคโนโลยีมาผสมผสานกับการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดและเป็นระบบ และการพัฒนาทักษะความสามารถของพนักงานขายทางโทรศัพท์(เทเลเซลส์) ควบคู่กันไป นอกจากนี้ ยังมาจากการที่บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

นายแกรี่เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา กลุ่มซิกน่าทั่วโลก ได้มีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงตราสัญลักษณ์ใหม่ของซิกน่า โดยวัฒนธรรมขององค์กรทั่วโลกที่จะยึดถือจากนี้คือ การเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) ทั้งนี้ รูปแบบแบรนด์และตราสัญลักษณ์ใหม่นี้ได้ถูกออกแบบให้สอดคล้องและสื่อได้ถึงกลยุทธ์ระดับโลกของซิกน่า ที่เน้นกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้านได้แก่

- Go Deep : การขยายธุรกิจลงลึกไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่หลากหลาย

- Go Global : การแผ่ขยายธุรกิจไปยังทั่วโลก โดยขยาย ไปยังพื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ เพิ่มขึ้น

- Go Individual : การขยายธุรกิจไปยังลูกค้ารายบุคคลมากขึ้นและดำเนินการตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายที่มีความเฉพาะเจาะจง และสอดคล้องกับความต้องการให้มากขึ้น

โดยตราสัญลักษณ์ใหม่ของซิกน่านี้จะสื่อถึงซิกน่าที่ดูเป็นมิตรขึ้น ทันสมัยขึ้น สดใสมากขึ้น และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สำหรับระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ใหม่ไปยังกลุ่มธุรกิจของซิกน่าที่มีธุรกิจอยู่ทั่วโลกทั้งในและนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ซิกน่าได้วางแผนในการทยอยปรับเปลี่ยนการสื่อสารด้วยตราสัญลักษณ์ใหม่ในแต่ละประเทศแบบค่อยเป็นค่อยไปให้ครบทุกประเทศภายในเดือนกันยายน 2556 หรือภายใน 24 เดือนนับจากเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับซิกน่าประเทศไทยนั้น จะเริ่มปรับเปลี่ยนอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป โดยก่อนหน้านี้ได้ทำการปรับเปลี่ยนเฉพาะภายในองค์กรก่อนแล้ว

สำหรับกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจของซิกน่า ประเทศไทยในปี 2555 นี้จะเน้นหนักใน 3 ด้าน ได้แก่

1. การสร้างองค์กรให้มีวัฒนธรรมในการยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric @ Cigna) ทั้งลูกค้าภายในและลูกค้าภายนอกองค์กร ยกตัวอย่างเช่น แผนประกันใหม่ที่บริษัทฯ จะออกสู่ตลาดต่อจากนี้ บริษัทฯ จะออกแบบโดยคำนึงถึงหลัก 3 P ได้แก่ Preventive, Protection, and Pampering (ป้องกัน — คุ้มครอง — ดูแล) ให้แก่ลูกค้าแบบครบถ้วนมากที่สุด เนื่องจาก ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันต้องการความคุ้มครองด้านสุขภาพทั้งเชิงป้องกันและดูแลรักษาในกรมธรรม์เดียว เช่น แผนประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ (Senior PA) ของซิกน่า นอกจากความคุ้มครองหลักทางด้านประกันอุบัติเหตุโดยทั่วไปแล้ว ยังออกแบบให้ครอบคลุมเรื่องของกระดูกแตกหัก รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูกให้แก่ผู้สูงอายุอีกด้วย เนื่องจาก ปัญหากระดูกผุเป็นปัญหาที่พบได้มากในวัยผู้สูงอายุ หากมีการส่งเสริมให้ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยลดโอกาสที่จะล้มหรือประสบอุบัติเหตุได้ เป็นต้น ซึ่งความคุ้มครองในเชิงป้องกันและดูแลเหล่านี้ก็เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์และได้ใช้จริงทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้เกิดอุบัติเหตุจึงจะเบิกเคลม จึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดเป็นอย่างมาก ซึ่งบริษัทฯ ก็จะมุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์นี้ภายใต้หลัก 3 P นี้ต่อไป

2. กลยุทธ์การตลาดเชิงความความสัมพันธ์ (Affinity Marketing) กับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งยังคงเป็นโมเดลธุรกิจหลักของซิกน่าอยู่ในปัจจุบัน โดยบริษัทฯ จะเพิ่มจำนวนพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ในปีนี้อีก 4 ราย สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจรายเดิมที่มีอยู่นั้นบริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิตให้ดียิ่งขึ้นโดยใช้ระบบบริหารและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก (Customer Value Management : CVM) ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ซิกน่ามีความเชี่ยวชาญอยู่ในระดับโลก โดยล่าสุด ผลงานด้าน CVM ของซิกน่าประเทศไทยได้รับรางวัล นวัตกรรมเพื่อลูกค้า (Innovation in Customer Engagement)จาก สถาบันนานาชาติ IDC Financial Insights ซึ่งได้รับคัดเลือกจากนวัตกรรมของ 68 โครงการที่เข้าร่วม

3. กลยุทธ์การตลาดทางตรงถึงผู้บริโภค (Cigna Direct) โดยเน้นช่องทางการตลาดออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหม่พร้อมสร้างแบรนด์ไปในเวลาเดียวกัน

4. การสร้างองค์กรที่เน้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee Engagement) เนื่องจากบุคลากรคือหัวใจสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางกลยุทธ์ธุรกิจที่กำหนด ดังนั้น กลุ่มซิกน่า อินเตอร์เนชั่นแนลจึงได้ให้ความสำคัญกับการสำรวจระดับความผูกพันของพนักงานหรือการส่วนร่วมของพนักงานในทุกประเทศ โดยให้บริษัทสำรวจที่เป็นกลางทำการสำรวจอย่างต่อเนื่องมา 2 ปี ซึ่งผลสำรวจของซิกน่าประเทศไทย สิ้นปี 2554 มีระดับคะแนนความผูกพันของพนักงานโดยรวมอยู่ที่ 4.02 (คะแนนเต็ม 5) สูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ซิกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล และสูงกว่าระดับคะแนนเฉลี่ยของซิกน่าโดยรวมทั้งโลก ที่มีระดับคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.86 และยังสูงกว่าระดับคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่มิใช่ซิกน่า ที่ทำการสำรวจภายใต้แบบสำรวจเดียวกันนี้ด้วย ระดับคะแนนความผูกพันดังกล่าว แสดงให้เห็นถืง บุคลากรของซิกน่าประเทศไทยส่วนใหญ่รู้สึก “เป็นส่วนหนึ่ง” ขององค์กรอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร ทั้งนี้ บริษัทฯ ก็จะเน้นกลยุทธ์การพัฒนาพนักงานในองค์กรให้มีความเข้มแข็งในทุกๆ ด้านต่อไป

นายบุญรัตน์ งามปฏิพัฒน์พงศ์ รองประธานฝ่ายบริหารช่องทางจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า การบริหาร Outbound Call Center และการเพิ่มประสิทธิผลช่องทางจัดจำหน่ายทางโทรศัพท์ (Telemarketing) ของซิกน่าในปีที่ผ่านมา ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก โดยใช้กลยุทธ์การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี Predictive Dialing System (PDS) และการวิเคราะห์จัดการฐานข้อมูลรายชื่อเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน TSR ควบคู่กันไป ทำให้สามารถวางแผนกำลังคน รวมถึงบริหารจัดการศักยภาพของพนักงานขายทางโทรศัพท์ให้เหมาะสมกับกลุ่มไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม การจัด Segmentation ของลูกค้าเป้าหมายเพื่อให้พนักงานขายสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า แม้กระทั่งการวางแผนจัดเวลาในการโทรออกไปหาลูกค้าให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น โทรเช้า, กลางวัน, เย็น ในกลุ่มที่แตกต่างกัน ฯลฯ ทั้งนี้จากการทดลองทำทีละกลุ่มและเฝ้าติดตามผลอย่างใกล้ชิดมาเป็นระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้พบว่าแนวทางดังกล่าว สามารถเพิ่มผลผลิตของช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งได้ในภาพกว้าง โดยสามารถลดต้นทุนของพนักงานขายและเพิ่มอัตราผลตอบรับในด้านการขายและเพิ่มรายได้ต่อการขายกว่า 40% เนื่องจากสามารถใช้ทรัพยากรทั้งคน, รายชื่อลูกค้า, และการจัดสรร seat ที่เหมาะสม ทั้งนี้ใน ปัจจุบัน บริษัทฯ มีคอลล์เซ็นเตอร์รวมทั้งสิ้น 3 แห่ง และมีซีทรวมจำนวน 800 ซีท

“เทคโนโลยี PDS เป็นเทคโนโลยีที่พบเห็นได้ในคอลล์เซ็นเตอร์ทั่วไป แต่ถ้าหากไม่นำมาผสมผสานกับการวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับศักยภาพของพนักงานขายอย่างถูกต้องแล้ว การเพิ่มผลผลิตจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน และจากความสำเร็จของการเพิ่มประสิทธิผลของคอลล์เซ็นเตอร์ในด้านนี้ ทำให้ทีมงานคอลล์เซ็นเตอร์ของซิกน่าประเทศไทยได้รับรางวัล Quarterly Chairman’s Champion Award ซึ่งเป็นรางวัลที่ประธานของกลุ่มซิกน่า คอร์ปอเรชั่น คัดเลือกด้วยตัวเองและมอบให้กับทีมงานประเทศใดก็ตามที่สามารถสร้างผลงานที่เพิ่มผลผลิตได้ชัดเจนในเชิงธุรกิจให้กับบริษัท ซึ่งทีมงานคอลล์เซ็นเตอร์ประเทศไทยชนะเลิศจากการคัดเลือกจากทีมงานประเทศอื่นๆ ที่ส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 45 แผนงาน ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การบริหารคอลล์เซ็นเตอร์ด้วยแนวทางที่ซิกน่าประเทศไทยดำเนินอยู่นี้ สามารถเพิ่มผลผลิตทางธุรกิจได้อย่างเป็นรุปธรรมจริง ซึ่งนำความภาคภูมิใจให้กับซิกน่าประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง” นายบุญรัตน์อธิบายเพิ่มเติม

นายบุญรัตน์ยังกล่าวถึงกลยุทธ์ในปี 2555 ด้วยว่า บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนา Outbound Call Center ให้ดียิ่งขึ้น โดยจะนำแนวทางการบริหารจัดการรายชื่อลูกค้า Lead Management ที่เรียกว่า S3 (Strategic Sales Support) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากจากบริษัทฯ ในเครือซิกน่า มาประยุกต์ใช้ ซึ่งจะช่วยให้การบริการมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นเราจะมุ่งเน้นการพัฒนารูปแบบการขาย ที่เน้นไม่เฉพาะการขาย แต่จะเน้นการให้บริการและให้คำแนะนำกับลูกค้า และที่สำคัญที่สุดที่เราจะเน้นพัฒนาพนักงานขายทางโทรศัพท์ และหัวหน้างานของเราให้มีความรู้ ความสามารถเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับบริการและความพึงพอใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ด้านช่องทางจัดจำหน่ายทางตรง บริษัทฯ จะเน้นช่องทางการตลาดออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขยับกลุ่มเป้าหมายใหม่ในปีนี้ให้เป็นกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ที่เห็นความสำคัญของการประกันภัยส่วนบุคคลที่แท้จริง ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะเป็นกลุ่มที่ชอบศึกษาหาข้อมูลเชิงลึกก่อนตัดสินใจซื้อแผนประกันใดๆ ดังนั้น ช่องทางการตลาดออนไลน์จะเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด บริษัทฯ จึงเตรียมแผนการตลาดที่จะบุกช่องทางนี้พร้อมกับเป็นช่องทางการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียไปในเวลาเดียวกันด้วย

“ปีนี้เราตั้งใจว่าเราจะไม่บุกช่องทางการขายตรงผ่านโทรทัศน์ (DRTV) เนื่องจากเราต้องการบุกช่องทางการตลาดออนไลน์อย่างเต็มที่ตามกลุ่มเป้าหมายใหม่ของเรา โดยจะมีการใช้พรีเซ็นเตอร์ที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่มานำเสนอแผนประกันต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงจะสร้างกิจกรรมตอบแทนลูกค้าซิกน่าโดยการร่วมสนุกผ่านทางแคมเปญการตลาดออนไลน์ตลอดทั้งปี โดยเราตั้งเป้าหมายยอดขายของช่องทางนี้ไว้ที่ 20 ล้านบาท ถึงแม้ว่าเป้าหมายยอดขายของช่องทางนี้จะเป็นสัดส่วนไม่มาก เมื่อเทียบกับช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้ง หรือ ดีอาร์ทีวี แต่ถือว่าเป็นช่องทางที่เข้าถึงลูกค้ารายบุคคลได้โดยตรงและเป็นการสร้างแบรนด์ไปในตัวผ่านทางโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งไปได้ไกลทั่วโลกด้วยครับ”

ด้านนางสาว นภา ตรีรัตนาวงศ์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ เปิดเผยว่า จากกลยุทธ์ของซิกน่าทั่วโลกที่ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทำให้บริษัทฯมีแผนดำเนินการที่จะพัฒนากระบวนการต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า โดยในลำดับแรก บริษัทฯ ได้ยกระดับคุณภาพบริการของศูนย์บริการลูกค้าซิกน่า (Customer Service Center) ใน 2 ด้านด้วยกัน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงเลขหมายโทรศัพท์ของศูนย์บริการลูกค้า จากเลขหมาย 9 หลักให้เป็นเลขหมาย 4 หลัก ได้แก่ หมายเลข 1758 เพื่อให้ลูกค้าจดจำเลขหมายได้ง่ายขึ้น สามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าได้ทันท่วงที ประการที่สองได้แก่ การให้บริการศูนย์บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอด 7 วัน จากเดิม 5 วันทำการ โดยมีวันเวลาทำการใหม่ ได้แก่ วันจันทร์ — วันศุกร์ เวลาทำการระหว่าง 08.00 — 20.00 น. และ วันเสาร์ — วันอาทิตย์ เวลาทำการ 08.30 — 17.30 น. นอกจากนี้ ยังเพิ่มช่องทางการให้บริการลูกค้าแบบออนไลน์ ที่เรียกว่า ซิกน่า อี-เซอร์วิส (Cigna e-Service) ซึ่งเป็นบริการที่ให้ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของซิกน่าสามารถตรวจสอบและติดตามข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ประกันภัยของซิกน่าด้วยตัวเองบนซิกน่า เว็บไซต์ เพียงแค่เข้ามาสมัครลงทะเบียนเปิดใช้บริการซิกน่า อี-เซอร์วิส พร้อมรับ รหัสส่วนตัว (PIN) ผ่านเว็บไซต์ซิกน่า www.Cigna.co.th โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ของตนเองได้อย่างตลอดเวลา 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเพิ่มเติมอีก 85 ล้านบาทระหว่างปี 2554- 2555 เพื่อเสริมศักยภาพด้านไอทีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งได้มาพัฒนาระบบบริการลูกค้าที่เรียกว่า i-Pro ซึ่งเป็นระบบการให้บริการข้อมูลลูกค้าซึ่งรวบรวมจากฐานข้อมูลทุกส่วนให้มาอยู่ในระบบเดียว และสามารถแสดงหน้าจอขณะให้บริการลูกค้าได้เบ็ดเสร็จในหน้าจอเดียว ซึ่งช่วยให้สามารถให้บริการแก่ลูกค้าแต่ละรายได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

“ด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายแบบทางตรงโดยไม่ผ่านตัวแทน (agent) ซึ่งเป็นช่องทางที่ซิกน่าดำเนินอยู่ทั่วโลกนั้น ศูนย์บริการลูกค้าจะเป็นศูนย์กลางที่ลูกค้าจะนึกถึงเพื่อให้ช่วยดำเนินการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ของเขา เช่น สอบถามรายละเอียดความคุ้มครองของกรมธรรม์ สอบถามขั้นตอนการเบิกเคลม ติดตามสถานะของการเบิกเคลม ฯลฯ ซึ่งปัจจุบัน ซิกน่ามีลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์อยู่ประมาณ 4 แสนราย ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาเพื่อยกระดับศูนย์บริการลูกค้าของเราก่อนเป็นลำดับแรกๆ และเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วตรงความต้องการของเขาที่สุด และเร็วๆ นี้ก็จะมีแผนพัฒนาการบริการในด้านอื่นๆ ต่อไปเพื่อให้ลูกค้าซิกน่ามีประสบการณ์ที่ดีที่สุดตลอดการเป็นลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของซิกน่าให้สมกับการที่เขาไว้วางใจให้เราได้เป็นผู้ดูแลสุขภาพและความมั่นคงส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา” นางสาวนภากล่าวเพิ่มเติม

นายแกรี่กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ในปี 2555 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย(เบี้ยประกันรับปีแรก) จากทุกช่องทางไว้ที่ 1,600 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2554 ประมาณ 20 % และตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 1,780 ล้านบาท เติบโตประมาณเกือบ 40 % ของรายได้รวมปี 2554

สอบถามข้อมูลข่าวเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

พิมพาภรณ์ สมเกียรติวีระ (พิม)

ผู้จัดการแผนกสื่อสารการตลาด

บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน)

โทรศัพท์ 0-2651-5995 ต่อ 205, 081 847 4657

โทรสาร 0-2627-3037

E-Mail : [email protected]

เว็บไซต์ : www.cigna.co.th

ครรชิต ผินนารี (หนึ่ง) / สุภาวดี ทานะมัย (หนูดี)

ฝ่ายประชาสัมพันธ์

บริษัท เอ.ซี.แอล. จำกัด

โทรศัพท์ 02 184 7630, 089 132 3570, 082 514 4838

โทรสาร 02 184 7603

E-Mail : [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version