นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯได้มีการส่งเสริมการตลาดให้นักลงทุนด้วยโครงการ “ออมทอง” โดยการลงทุนมีลักษณะทยอยซื้อทองคำอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน และเมื่อครบตามจำนวนทองขั้นต่ำคือ 5 บาททอง ซึ่งลูกค้าสามารถรับเป็นทองคำแท่ง หรือรับเป็นเงินสดโดยการขายทองคำดังกล่าวคืนให้กับบริษัทฯ ทั้งนี้ จากเดิมทางบริษัทฯมีอัตราขั้นต่ำในการออมอยู่ที่ 10,000 บาท/เดือน แต่ในปัจจุบันได้มีการลดอัตราการออมขั้นต่ำไว้ที่ 5,000 บาท/เดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่มีวงเงินจำกัดมีโอกาสในการออมมากขึ้น
โดยทองคำที่บริษัทฯจำหน่ายมีทั้งทองคำ 96.5% น้ำหนักการขายต่ำสุดอยู่ที่ 5 บาท และทองคำ 99.99% ซึ่งขายเป็นกิโลกรัม ทั้งนี้ บริษัทฯมีการบริการที่ถือเป็นจุดสำคัญ คือ การซื้อขายทองคำโดยใช้ราคาอ้างอิงจากราคาทองคำโลก ซึ่งแม้ว่าราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียง 1-2 ดอลลาร์นักลงทุนสามารถล็อคราคาเพื่อทำกำไร หรือขายเพื่อตัดขาดทุนได้ เพียงลูกค้าโทรมาสอบถามราคาทองคำในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบอินเทอร์เนตให้มีความเสถียร และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบราคา และซื้อขายทองคำผ่านระบบได้อย่างสะดวกสบาย และนัดวันส่งมอบทองคำได้ตามข้อกำหนดที่ระบุไว้อย่างชัดเจน
ส่วนการแข่งขันของผู้ประกอบการค้าทองคำในภาวะราคาทองยังเป็นขาขึ้นนั้น โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการแข่งขันจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีผู้ค้าหลายรายเข้ามาทำตลาด แต่อย่างไรก็ตามความน่าเชื่อถือก็ยังเป็นปัจจัยที่ลูกค้าให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งการที่บริษัทฯเป็นผู้ค้าทองคำแท่งรายเดียวในประเทศไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ถือว่าเป็นจุดแข็งที่สำคัญของบริษัท เนื่องจากการเป็นบริษัทมหาชนทำให้มีความโปร่งใสในการดำเนินงาน และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าบริษัทอื่นๆ ในธุรกิจเดียวกัน
สำหรับแนวโน้มของราคาทองคำในสัปดาห์นี้(12-16 มี.ค.)ว่า ยังมีปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามอยู่หลายปัจจัย ได้แก่ การประชุมเฟดในคืนวันอังคาร(13 มี.ค.) และตัวเลขเศรษฐกิจ ภาวะเศรษฐกิจ ZEW เยอรมนี, ยอดค้าปลีกสหรัฐ, ประกาศอัตราดอกเบี้ยจากเฟด ตลอดจนยอดผู้ขอรับสวัสดิการและดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ
ดังนั้น GBX มองกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำประจำสัปดาห์ไว้ที่ 1,660-1,725 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ หรือประมาณ 24,010-24,950 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 30.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยแนะนำให้นักลงทุน “ซื้อ” หากราคาย่อลงมาต่ำกว่า 1,675 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ หรือ 24,230 บาท/บาททองคำ และให้ “ทยอยขาย” หากไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,712 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ หรือ 24,760 บาท/บาททองคำ โดยให้ “ตัดขาดทุน” ถ้าราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,655 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ หรือ 23,940 บาท/บาททองคำ
ทั้งนี้ ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา(5-9 มี.ค.)ได้ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาทองคำอยู่ที่ 1,704.81 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 9 มีนาคม 10.00น.) ปรับตัวลดลงประมาณ 5.84 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์หรือคิดเป็น 0.34% ขณะที่ราคาสูงสุดไว้ที่ 1,716.36 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ และราคาต่ำสุดไว้ที่ 1,663.95 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ทรอยออนซ์ ด้วยปัจจัยจากช่วงต้นสัปดาห์จีนปรับเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงทำให้นักลงทุนต่างทยอยขายสินค้าโภคภัณฑ์ออกมา เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่บริโภคสินค้าโภคภัณฑ์มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากประธานเฟด สาขาดัลลัส ที่กล่าวว่า เฟดจะเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมต่อเมื่อเกิดสถานการณ์ร้ายแรงเท่านั้น ซึ่งหากพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐฯในช่วงนี้สถานการณ์ดังกล่าวไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้เริ่มปรับตัวขึ้นในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการที่ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อการสวอปหนี้กรีซ และเจ้าหนี้มากขึ้น โดยขณะนี้กรีซสามารถผ่านการสวอปหนี้กับเจ้าหนี้ภาคเอกชนได้ 85.8% ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในทองคำโดยมีความหวังว่ากรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือรอบ 2 จาก EU หลังการสวอปเสร็จสิ้น