นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคม ไทยรับสร้างบ้าน (THCA) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา สมาคมไทยรับสร้างบ้าน Thai Home Constructions Association (THCA) จัดงานสัมมานาประจำปี2555 ภายใต้หัวข้อ “ทิศทางธุรกิจรับสร้างบ้านปีมังกร” โดยเฉพาะธุรกิจรับสร้างบ้านในปัจจุบัน ถือว่ามีทิศทางที่ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากมีทั้งการแข่งขันกันสร้างมาตรฐานและรวมตัวกันตั้งสมาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม แล้วยังสร้างพันธมิตรทางการค้า และมีการพัฒนาความร่วมมือของผู้ประกอบการให้มีศักยภาพมากขึ้น มีมาตรฐานสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดแข็งและช่วยยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านให้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อไปของธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น หากกล่าวถึงโอกาสและอุปสรรค ต้องยอมรับว่าการแข่งขันจะสูงขึ้น ทั้งการแข่งขันทางด้านเงินทุนจากรายใหญ่ การขยายตลาดในต่างจังหวัดและต่อไปถึงตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งในส่วนนี้ สมาคมฯเอง ได้พยายามเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกเพื่อให้เข้าสู่เวทีการแข่งขันได้ โดยได้กำหนดเป็น “แผนพัฒนาธุรกิจรับสร้างบ้านประเทศไทย” แบ่งเป็น 5 ยุทธศาสตร์ และ 19 กลุ่มสมาชิกหรือกลุ่มจังหวัด
นอกจากนี้สมาคมไทยรับสร้างบ้านยังได้มีการจัดประชุมใหญ่สมาคมฯประจำปี 2555 เพื่อคัดเลือกคณะกรรมการชุดใหม่หลังจากบริหารสมาคมฯ มาได้ประมาณ 1 ปีเศษ โดยในที่ประชุมได้มีมติให้ นายสิทธิพร สุวรรณสุต ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมไทยรับสร้างบ้านอีก 1 สมัย หลังจากก่อนหน้านี้นายกสมาคมฯ และคณะกรรมชุดแรกได้ลาออกก่อนครบวาระ เพื่อเปิดทางให้สมาชิกที่เข้ามาใหม่และมีใจอาสาได้เข้ามามีส่วนร่วมการบริหารงานสมาคมฯ โดยจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้านคนใหม่ กล่าวถึงนโยบายของสมาคมฯ ว่า สมาคมฯ ได้กำหนดกรอบยุทธศาสตร์ในการบริหารงานของสมาคมฯ ซึ่งมี 5 ปัจจัยหลักด้วยก็คือ 1.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมาชิก 2.พัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของสมาชิกเพื่อแก้ปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงาน 3.การส่งเสริมจริยธรรมวิชาชีพและความรับผิดชอบต่อสังคม 4.ส่งเสริมธุรกิจรับสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 5.การสร้างตลาดใหม่และการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อจะผลักดันให้ธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถสร้างโอกาสทางการตลาดและยกระดับภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านให้เติบโตและขยายออกไปทั่วประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะเพื่อผู้ประกอบการและสมาชิกสามารถรับมือกับการแข่งขัน เมื่อประเทศไทยเปิดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี