ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท “บ. ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง” ที่ระดับ “AA+/Stable”

อังคาร ๐๖ มีนาคม ๒๐๑๒ ๑๓:๒๐
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาทของ บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่ของบริษัท คือ ORIX Corporation (ORIX) ในประเทศญี่ปุ่น โดย ORIX ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A-” จาก Standard & Poor’s และ “A3” จาก Moody’s Investor Services ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของ ORIX ซึ่งค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้

ตามเงื่อนไขข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการครอบงำกิจการของ ORIX บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ ORIX จะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย และในกรณีที่ ORIX ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ โดยที่ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนโดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งสะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ ORIX ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A-“ ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Standard & Poor’s และ “A3” ด้วยแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” จาก Moody’s Investor Services ในกรณีที่ไม่มีปัจจัยที่ไม่คาดคิดด้านลบและไม่มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบวิธีการจัดอันดับเครดิต อันดับเครดิตที่ได้รับจาก Moody’s Investor Services น่าจะไม่มีเหตุให้ต้องถูกลดอันดับลงในระยะใกล้นี้เนื่องจากผลการดำเนินงานของ ORIX ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงระดับที่อันดับเครดิตสามารถดำรงอยู่ได้ในระดับปัจจุบัน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า อันดับเครดิตของ ORIX ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ได้รับแรงหนุนจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศญี่ปุ่น โดยจุดแข็งของ ORIX คือการกระจายตัวของธุรกิจและแหล่งเงินทุน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนโดยความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความผันผวนสูง นอกจากนี้ ORIX ยังมีความอ่อนไหวต่อภาวะตลาดที่สับสนวุ่นวายด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทพึ่งพิงการระดมทุนจากตลาดทุนเป็นอย่างมาก

ORIX ก่อตั้งในปี 2507 โดยความร่วมมือของสถาบันการเงินและบริษัทธุรกิจการค้ารวมจำนวน 8 แห่ง บริษัทเป็นต้นแบบในการบุกเบิกอุตสาหกรรมลีสซิ่งในประเทศญี่ปุ่น กว่า 50 ปีของการดำเนินงาน ORIX ได้กระจายธุรกิจโดยการเสนอบริการทางการเงินอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการให้บริการลีสซิ่ง โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 สินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัทจำนวน 8.2 ล้านล้านเยนประกอบไปด้วยสินเชื่อผ่อนชำระ 2.7 ล้านล้านเยน ซึ่งคิดเป็น 33.5% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ตามด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าดำเนินงานจำนวน 1.3 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 15.5% และเงินลงทุนในหลักทรัพย์ 1.2 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 14.2%

ธุรกิจของ ORIX ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจการให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate Financial Services) ธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง (Maintenance Leasing) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน (Investment and Operations) ธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย (Retail) และธุรกิจต่างประเทศ (Overseas Business) ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 สินทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยคิดเป็น 28.7% ของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจทั้งหมด ตามด้วยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 23.7% และกลุ่มธุรกิจต่างประเทศที่ 15.8% อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจต่างประเทศให้ผลกำไรแก่บริษัทเป็นอัตราส่วนสูงสุด คือ 35.3% ของกำไรสุทธิ 111.4 พันล้านเยนของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดสำหรับ 3 ไตรมาสแรกของรอบปีบัญชี 2555 สินทรัพย์ตามกลุ่มธุรกิจของ ORIX ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 6.9 ล้านล้านเยนในรอบปีบัญชี 2552 เหลือ 5.9 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของ ORIX ที่จะลดขนาดสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านลบของเศรษฐกิจในระดับสูง ในขณะเดียวกัน ORIX พยายามที่จะพัฒนาความสามารถในการทำกำไรจากกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น กลุ่มธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง และกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การกระจายธุรกิจช่วยให้ ORIX สามารถหลีกเลี่ยงผลประกอบการที่ขาดทุนได้แม้ในช่วงวิกฤตทางการเงินในปี 2551 โดยในรอบปีบัญชี 2552 (เมษายน 2551-มีนาคม 2552) แม้ว่าผลประกอบการทางการเงินจะลดลงอย่างมาก แต่ ORIX ก็ยังคงมีกำไร โดยมีกำไรสุทธิที่ 21.9 พันล้านเยน ลดลงจาก 169.6 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2551 ผลประกอบการในรอบปีบัญชี 2552 ได้รับผลกระทบจากผลประกอบการที่ตกต่ำในกลุ่มธุรกิจหลัก 2 กลุ่มคือ ธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน และธุรกิจการให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 37.8 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 และ 67.3 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2554 ใน 3 ไตรมาสแรกของรอบปีบัญชี 2555 กำไรสุทธิของ ORIX อยู่ที่ 68.8 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 35.4% จากช่วงเดียวกันของรอบปีบัญชี 2554 ORIX ดำรงนโยบายด้านสภาพคล่องที่เข้มงวดโดยการรักษาเงินสดและวงเงินกู้แบบผูกพันการให้กู้ที่สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอต่อการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้ โดยอัตราส่วนเงินสดและวงเงินกู้ต่อหนี้สินระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้อยู่ที่ระดับ 245% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554

ด้วยแนวโน้มที่ดีในอุตสาหกรรมลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานในประเทศไทยทำให้ ORIX มุ่งเน้นขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้นโดยผ่านบริษัทลูกคือบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทย บริษัทก่อตั้งในปี 2521 โดยความร่วมมือของ ORIX รวมทั้งบรรษัทเงินทุนอุตสาหรรมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลายครั้งเนื่องจากการควบรวมและการเข้าครอบงำกิจการของผู้ถือหุ้นในฝ่ายไทย ในปี 2553 ORIX ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในประเทศไทยโดยการควบรวมบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งและบริษัทที่ให้บริการเช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานคือ บริษัท โอริกซ์ ออโต้ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และเปลี่ยนเป็นนิติบุคคลที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่ แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลใหม่นั้น ปัจจุบัน ORIX ถือหุ้น 97.4% ในบริษัท ส่วนหุ้นที่เหลือ 2.6% ถือโดยบริษัทกรุงเทพประกันภัย

บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งให้บริการใน 2 ธุรกิจหลัก คือ สินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงาน โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 แต่ละธุรกิจมีมูลค่าคิดเป็นครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์ดำเนินงานรวมของบริษัท ORIX ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและด้านการเงิน ซึ่งรวมทั้งการให้ความรู้ในด้านธุรกิจ แนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงและการดำเนินงาน รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การให้การค้ำประกันหนี้ทั้งหมดของบริษัทรวมทั้งหุ้นกู้ที่เสนอจำหน่ายในครั้งนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการให้การสนับสนุนด้านการเงินที่บริษัทได้รับในฐานะที่เป็นบริษัทลูกของ ORIX การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศของ ORIX โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากธุรกิจต่างประเทศสร้างผลกำไรที่ค่อนข้างสูงซึ่งช่วยสนับสนุนผลประกอบการโดยรวมของ ORIX ทริสเรทติ้งกล่าว

บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด (TOLC)

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2558 AA+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๑๗:๑๖ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๑๗:๕๕ Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๑๗:๔๗ โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๑๗:๑๒ ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๑๗:๐๐ กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๑๖:๐๐ WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ