“กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” กำหนดเปิดเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็น ครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 8-16 มีนาคมนี้ กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท เผยกระแสตอบรับดีตามคาด หลังแถลงลงทุนใน 3 โครงการทำเลใจกลางเมือง ประกอบด้วย โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ โครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ และโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร รวมมูลค่าโครงการ 3.3 พันล้านบาท ด้วยการผสมผสานระหว่างกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ในสัดส่วนประมาณ 80% ต่อ 20% ชี้จุดเด่นของกองทุน นอกจากจะอยู่ทำเลซึ่งรองรับ ความต้องการของลูกค้าต่างชาติ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงแล้ว ยังรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้กับผู้ลงทุนจนถึงปี 2558 และบริหารจัดการโดยกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่เป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” (LHPF) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ 3 โครงการ ประกอบด้วย การลงทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ และโครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ และลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) อายุ 27 ปี (นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555) ในโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร รวมมูลค่าโครงการกว่า 3.3 พันล้านบาท จะเปิดเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็น ครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 8-16 มีนาคม 2555 โดยกำหนดการจองซื้อขั้นต่ำไว้ที่ 10,000 บาท มูลค่าหน่วยละ 10 บาท
ทั้งนี้ หลังจากการแถลงข่าวเปิดตัวกองทุนในช่วงที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจสอบถามมาตามที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ ซึ่งปัจจัยหลักที่สนับสนุนความสนใจของนักลงทุนนั้น มาจากความโดดเด่นของสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน ซึ่งเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากอยู่ในทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวก โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ ที่เป็นลูกค้าระยะยาว ซึ่งอัตราการเช่าพักเฉลี่ยทุกโครงการในปี 2554 ก็อยู่ในระดับที่สูง นอกจากนี้ ประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และการบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ Centre Point ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์มายาวนานเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ยังสร้างมั่นใจให้กับนักลงทุนอีกด้วย
“ขณะเดียวกัน กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนที่เป็น Freehold ถึง 80% และเป็นส่วน Leasehold ประมาณ 20%ทำให้ผู้ถือหน่วยจะได้รับประโยชน์จากการที่สินทรัพย์มีโอกาสเพิ่มมูลค่าจากราคาที่ดินในอนาคต ซึ่งเป็นประโยชน์ในระยะยาว ส่วนประโยชน์ในระยะสั้นสำหรับ คือ การรับประกันผลตอบแทนถึงสิ้นปี 2558 โดยบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และผู้ร่วมทุน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหนังสือชี้ชวน” กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าว
ด้านนายสิทธิไชย มหาคุณ หัวหน้าหัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายกองทุน กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยต่างให้ความสนใจ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHPF) เป็นอย่างมาก เนื่องจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นับเป็นทางเลือกที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงนี้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังเชื่อมั่นในการบริหารจัดการโครงการของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รวมถึงการรับประกันอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำของกองทุน และจุดเด่นของโครงการในด้านของทำเลที่ตั้ง ซึ่งผู้สนใจจองซื้อกองทุนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจองซื้อได้ที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ทุกสาขา ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดยบริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
(ในนามกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ : LHPF)
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า)
โทร. 02 248 7967-8
E-mail : [email protected]