“การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดก็คือ ขนาดหรือปริมาณของข้อมูล แอพพลิเคชั่น และเวอร์ชวลแมชชีนที่ไม่สามารถประมวลผลได้บนสภาพแวดล้อมแบ็คอัพที่มีอยู่ในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องปรับปรุงระดับการให้บริการเพื่อตอบสนองความคาดหวังที่เพิ่มสูงขึ้นในเรื่องความพร้อมใช้งาน และจำเป็นที่จะต้องดำเนินธุรกิจตลอด 24 วัน ไม่มีวันหยุด ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะต้องผนวกรวมเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้การทำงานของระบบต้องหยุดชะงักจนส่งผลกระทบอย่างมากต่อทีมงานฝ่ายไอที องค์กรต่างๆ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การปกป้องอย่างรอบด้านบนแพลตฟอร์มหรือโซลูชั่นเดียว เพื่อรองรับข้อมูลและเวิร์กโหลดหลากหลายประเภท แนวทางนี้แตกต่างจากการผนวกรวมโซลูชั่นย่อยๆ หลายโซลูชั่นเข้าด้วยกัน ซึ่งจะต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมาก” มร.เดฟ รัสเซล รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีและกลยุทธ์สตอเรจของการ์ทเนอร์ กล่าว
“วันนี้ ไซแมนเทคเผยโฉมแผนงานรูปแบบใหม่สำหรับการปรับปรุงแนวทางการปกป้องข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการแบ็คอัพข้อมูลได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า” มร.ฌอน เดอร์ริงตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์คลาวด์ กลุ่มธุรกิจการจัดการสารสนเทศของไซแมนเทค กล่าว “ไซแมนเทคนำเสนอชุดโซลูชั่นใหม่ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในการแบ็คอัพข้อมูล ตั้งแต่ปัญหาที่ซับซ้อนที่สุดของดาต้าเซ็นเตอร์ภายในองค์กรขนาดใหญ่ซึ่งต้องอาศัยกลยุทธ์การกู้คืนข้อมูลแบบแบ่งระดับชั้น ไปจนถึงองค์กรขนาดเล็กที่ต้องการความมั่นใจว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลได้อย่างง่ายดาย”
เมื่อไม่นานมานี้ ไซแมนเทคได้สำรวจความคิดเห็นของบุคลากรฝ่ายไอทีทั่วโลกกว่า 1,400 คนในเรื่องที่เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติสำหรับการแบ็คอัพข้อมูลและความสามารถในการกู้คืนข้อมูลในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ ผลการสำรวจเผยให้เห็นว่าแนวทางแบบเดิมๆ สำหรับการแบ็คอัพข้อมูลไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป และจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการปรับใช้แนวทางใหม่:
- 49 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยระดับการให้บริการ (SLA) เพราะข้อมูลมีปริมาณมากเกินไป
- 72 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามจะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์อื่นสำหรับการแบ็คอัพข้อมูลถ้าหากช่วยเพิ่มความเร็วได้ถึงสองเท่า
- 28 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าตนเองมีเครื่องมือสำหรับการแบ็คอัพข้อมูลมากเกินไป
- องค์กรทั่วไปใช้โซลูชั่นแบ็คอัพ 4 โซลูชั่นสำหรับการปกป้องระบบทางกายภาพ และ 3 โซลูชั่นสำหรับระบบเวอร์ชวล
- 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการแบ็คอัพระบบเวอร์ชวลไลเซชั่นที่มีอยู่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเพียงพอหรือทำงานไม่สมบูรณ์แบบ
- กว่าหนึ่งในสาม (36 เปอร์เซ็นต์) ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าอาจไม่สามารถกู้คืนข้อมูลที่แบ็คอัพไว้ได้อย่างครบถ้วน 100 เปอร์เซ็นต์
จากผลการสำรวจความพร้อมของธุรกิจเอสเอ็มบีในการรับมือกับภัยพิบัติ (SMB Disaster Preparedness Survey) ประจำปี 2554 ของไซแมนเทค พบว่าองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มบี) ในเอเชีย-แปซิฟิก ไม่คิดว่าการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติเป็นภารกิจสำคัญจนกว่าจะประสบปัญหาภัยพิบัติหรือข้อมูลสูญหาย ครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามไม่มีแผนงานใดๆ ขณะที่ 38 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองไม่เคยมีความคิดที่จะวางแผนกู้คืนระบบเมื่อเกิดภัยพิบัติเลยแม้แต่น้อย ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นเปิดเผยว่า หากไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดี องค์กรจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และทำให้ธุรกิจเอสเอ็มบีต้องเสี่ยงต่อการล้มเลิกกิจการ
ส่วนประกอบสำคัญสำหรับแนวทางที่โดดเด่นของไซแมนเทคสำหรับการปกป้องข้อมูลได้แก่ ซอฟต์แวร์ NetBackup 7.5 และ Backup Exec 2012 และโซลูชั่นคลาวด์ ซึ่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ลูกค้ากว่าสองล้านรายที่ใช้ระบบแบ็คอัพสามารถแก้ไขปัญหาทั่วไปที่พบในเรื่องของการแบ็คอัพข้อมูลสำหรับบริษัทต่างๆ ทั่วโลก กลยุทธ์ของ ไซแมนเทคมุ่งเน้นประเด็นต่อไปนี้:
- เปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินการสำหรับการแบ็คอัพข้อมูล: กลยุทธ์ของไซแมนเทคคือ ขจัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 80 เปอร์เซ็นต์ในส่วนของการแบ็คอัพข้อมูล ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่จะใช้ทดแทนโซลูชั่นมากมายที่ใช้ในระบบแบ็คอัพในปัจจุบัน อุปกรณ์แบ็คอัพของไซแมนเทคจะลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าอุปกรณ์รุ่นเก่า ด้วยการผสานรวมซอฟต์แวร์แบ็คอัพและขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนไว้ในโซลูชั่นเดียวกัน ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนโดยผู้ผลิตรายเดียว ทั้งยังติดตั้งได้อย่างรวดเร็วและจัดการได้อย่างง่ายดาย ความสามารถในการผนวกรวมซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ และโซลูชั่นแบ็คอัพข้อมูลบนระบบคลาวด์เข้าด้วยกันจะช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกที่ยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น
- เพิ่มความรวดเร็วในการแบ็คอัพข้อมูล: แบ็คอัพข้อมูลได้เร็วขึ้น 100 เท่าด้วย NetBackup 7.5 เมื่อเทียบกับแนวทางแบบเดิมๆ นั่นหมายความว่าองค์กรจะสามารถแบ็คอัพข้อมูลทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วพอๆ กับการแบ็คอัพเฉพาะข้อมูลส่วนที่เพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลง โดยไม่บั่นทอนขีดความสามารถในการกู้คืนระบบหรือการให้บริการตามระดับที่กำหนด
- แก้ไขปัญหาการเก็บรักษาข้อมูลยาวนานอย่างไม่รู้จบ: องค์กรธุรกิจจำนวนมากเก็บรักษาข้อมูลแบ็คอัพไว้นานเกินไป หากองค์กรทราบว่าข้อมูลสามารถลบทิ้งได้เมื่อไร ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและภาระของฝ่ายไอทีในการบริหารจัดการข้อมูล ความสามารถในการค้นหาข้อมูลแบ็คอัพใน NetBackup จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถแยกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนทางกฎหมายหรือการปฏิบัติตามกฎระเบียบออกมา ขณะที่ส่วนที่เหลือของโครงสร้างพื้นฐานแบ็คอัพจะทำงานภายในรอบของการแบ็คอัพข้อมูลตามปกติ 30-60-90 วัน การเก็บรักษาข้อมูลยาวนานอย่างไม่รู้จบนับเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรสำหรับฝ่ายไอทีและก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากในแง่ของกฎหมาย
- ผสานรวมข้อมูลสแนปช็อตและข้อมูลแบ็คอัพ: สแนปช็อตที่ปราศจาก NetBackup เป็นเพียงแค่สแนปช็อตธรรมดาๆ แต่สแนปช็อตที่มาพร้อมกับ NetBackup จะช่วยปกป้องข้อมูลได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังเพิ่มความสะดวกในการจัดการและกู้คืนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การผสานรวมสแนปช็อตและแบ็คอัพเข้าด้วยกันโดยใช้ NetBackup จะช่วยให้องค์กรต่างๆ กู้คืนข้อมูลแบ็คอัพได้อย่างฉับไวเหมือนกับการใช้ข้อมูลสแนปช็อต
- ไม่ต้องใช้รถบรรทุกเพื่อขนย้ายเทปบันทึกข้อมูล: เทคโนโลยี NetBackup ของไซแมนเทคช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับปรุงกลยุทธ์การกู้คืนข้อมูลให้ทันสมัย และยกเลิกการขนย้ายเทปบันทึกข้อมูลโดยใช้รถบรรทุก Symantec NetBackup Auto Image Replication (AIR) ช่วยให้ลูกค้าขจัดปัญหาเรื่องอุปกรณ์ทางกายภาพที่มากเกินไป พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของไฟล์ที่ส่งผ่านเครือข่าย ควบคู่ไปกับการลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดอันเนื่องมาจากบุคลากร
- ผสานรวมระบบแบ็คอัพแบบเวอร์ชวลและฟิสิคอล: ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวกับเวอร์ชวลไลเซชั่น โดยใช้เทคโนโลยี Symantec V-Ray ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นขอจดสิทธิบัตร ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถตรวจสอบระบบ VMware และ Hyper-V ได้ละเอียดมากขึ้นสำหรับข้อมูลแบ็คอัพแบบเวอร์ชวล โดยใช้ผลิตภัณฑ์เดียว เทคโนโลยี V-Ray ที่รวมอยู่ใน NetBackup และ Backup Exec จะรองรับการแบ็คอัพเวอร์ชวลแมชชีนในลักษณะที่มีการทำโหลดบาลานซ์ เพื่อแก้ไขปัญหาความหนาแน่นในการแบ็คอัพข้อมูล ทั้งยังปรับปรุงประสิทธิภาพของเวอร์ชวลแมชชีน และลดขนาดพื้นที่สตอเรจด้วยการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนทั่วทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นบนระบบ VMware, Hyper-V หรือเซิร์ฟเวอร์แบบฟิสิคอล จึงช่วยลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์
- ผลิตภัณฑ์เดียวรองรับการกู้คืนข้อมูลได้อย่างครบถ้วน: ไซแมนเทคจัดหาโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับข้อมูลแบ็คอัพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลบนเทป ดิสก์ หรือในสภาพแวดล้อมแบบฟิสิคอลหรือเวอร์ชวล ลูกค้าจะสามารถกู้คืนแอพพลิเคชั่นหรือระบบใดๆ ไปยังเวอร์ชวลแมชชีน ไม่ว่าลูกค้าจะมีฮาร์ดแวร์หรือไม่ก็ตาม การกู้คืนข้อมูลจากระบบฟิสิคอลไปยังระบบเวอร์ชวลรวมอยู่ใน Backup Exec ฟรี โดยจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการกู้คืนระบบเมื่อเกิดภัยพิบัติ ด้วยการสร้างเวอร์ชวลแมชชีนโดยอัตโนมัติในกรณีที่จำเป็น เทคโนโลยีใหม่สำหรับการแบ็คอัพไปยังระบบเวอร์ชวล (Backup to Virtual - B2V) จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการโยกย้ายข้อมูลจากฟิสิคอลเซิร์ฟเวอร์ไปยังเวอร์ชวลเซิร์ฟเวอร์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแบ็คอัพข้อมูล
- ขจัดความยุ่งยากซับซ้อน: Backup Exec ขจัดปัญหาความยุ่งยากในการจัดการข้อมูลแบ็คอัพ ด้วยการเพิ่มความเรียบง่ายให้กับอินเทอร์เฟซผู้ใช้ พร้อมทั้งใช้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้ใช้หลายล้านคน รวมไปถึงนโยบายและใบอนุญาตใช้งาน จึงช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอทีและเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มบีสามารถดำเนินกลยุทธ์การปกป้องข้อมูลระดับมืออาชีพ โดยไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการแบ็คอัพข้อมูล
- แบ็คอัพข้อมูลได้อย่างง่ายดาย: ไซแมนเทคแนะนำ Backup Exec Small Business Edition ซึ่งช่วยให้บริษัทขนาดเล็กสามารถตั้งค่าการปกป้องข้อมูลที่เหมาะสมภายใน 3 ขั้นตอนง่ายๆ โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที นอกจากนี้ ไซแมนเทคยังขยาย Backup Exec.cloud ไปสู่ยุโรป เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสำหรับโซลูชั่นแบ็คอัพแบบโฮสต์ที่เรียบง่าย ทำงานแบบอัตโนมัติ ปลอดภัย และเปี่ยมด้วยเสถียรภาพ
เกี่ยวกับไซแมนเทค
ไซแมนเทคเป็นผู้นำระดับโลกในการจัดหาโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัย การจัดเก็บข้อมูล และการจัดการระบบ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคและองค์กรต่างๆ สามารถคุ้มครองและบริหารจัดการระบบต่างๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซอฟต์แวร์และบริการของเราช่วยป้องกันความเสี่ยงอย่างรอบด้าน ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะได้รับการปกป้องอยู่เสมอในทุกที่ที่มีการใช้งานหรือจัดเก็บข้อมูลนั้นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมมีอยู่ที่ www.symantec.com