นายจักร์ชัย นุชประยูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผู้บริหารร้านซีพี เฟรชมาร์ท เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนใช้งบราว 1,500 ล้านบาท สำหรับขยายสาขาร้านซีพี เฟรชมาร์ท ทั่วประเทศให้ได้ 2,000 แห่ง ภายใน 3 ปีจากนี้ จากปัจจุบันมีสาขาราว 600 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ รวมทั้งใช้เป็นจุดกระจายสินค้า (ฮับ) ไปยังร้านค้าเครือข่ายทั่วประเทศ เนื่องจาก มองเห็นโอกาสที่ธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้บริโภค โดยจะใช้ร้านซีพี เฟรชมาร์ท แต่ละสาขาเป็นทั้งร้านจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง รวมทังเป็นฮับเพื่อกระจายสินค้าในแต่ละจังหวัดด้วย ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละสาขาที่สามารถรองรับได้ โดยตั้งเป้าว่า 1 สาขา จะสามารถรองรับร้านค้าเครือข่ายได้สูงสุด 100 แห่ง
นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจร่วมกับบริษัทในรูปแบบตู้เย็นชุมชน เพื่อเจาะตลาดหน่วยย่อยแบบเข้าถึงชุมชน โดยมีแผนจะเพิ่มจำนวนตู้ให้ครบ 30,000 ตู้ ภายใน 3 ปีนับจากนี้ หลังจากเริ่มเปิดตัวรูปแบบธุรกิจรูปแบบดังกล่าวมาเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมีจำนวนราว 5,000 ตู้ทั่วประเทศ และยังมีแผนผลักดันสัดส่วนรายได้จากรูปแบบธุรกิจตู้เย็นชุมชนเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันมีรายได้จากช่องทางนี้ 15% ซึ่งคาดว่ารายได้จากช่องทางนี้จะต้องเติบโตได้ปีละไม่ต่ำกว่า 30%
“เพื่อให้แผนการเพิ่มจำนวนตู้เย็นชุมชนขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทได้ร่วมมือกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดโครงการ “ตู้เย็นชุมชน ซีพี เฟรชมาร์ท เพื่อสมาชิก กบข.” โดยให้สิทธิพิเศษกับสมาชิก กบข. ด้วยการลดทุนเริ่มต้นธุรกิจลงราว 40% หรือจ่ายครั้งแรก 3,000 บาท เพื่อเป็นค่าสินค้าสำหรับจำหน่าย ขณะที่บุคคลทั่วไปจะจ่ายอยู่ที่ 5,000 บาท และยังได้รับสิทธิในการสั่งซื้อสินค้าในราคาพิเศษ โดยจะนำร่องโครงการช่วงแรกระหว่าง 1 เมษายน — 30 มิถุนายน 2555 คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากสมาชิก กบข. ประมาณ 10,000 ราย จากจำนวนสมาชิกที่มีกว่า 1.2 ล้านคน”
นายจักร์ชัย กล่าวต่อว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งของซัพพลายเออร์ ทำให้มีบางรายขอเจรจาเพื่อปรับราคาส่งสินค้าให้กับบริษัท แต่ขณะเดียวกันต้นทุนวัตถุดิบบางรายการมีการปรับตัวลดลงทำให้บริษัทมองว่าเป็นการชดเชยไปให้ในตัวอยู่แล้วจึงจะรับซื้อสินค้าของซัพพลายเออร์ในระดับราคาเดิมต่อไป และยืนยันว่าในช่วง 3 เดือนจากนี้ ราคาสินค้าในร้านซีพี เฟรชมาร์ทจะยังคงจำหน่ายในราคาเดิม ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงของรัฐบาล เชื่อว่าจะส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนในภาพรวมปรับตัวสูงขึ้น และมีการจับจ่ายมากขึ้น จึงน่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าการเติบโตในปี 2555 เพิ่มขึ้นจากเดิม 20% หรือมีรายได้รวมกว่า 5,500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มอาหารพร้อมทาน 65% กลุ่มอาหารแช่เย็น 10% และกลุ่มสินค้าทั่วไป 25%