นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล กล่าวต่อไปว่า ที่มาของบมจ.สหประกันชีวิตเติบโตมาจากทุนเครือข่ายของสหกรณ์ทุกประเภท ทั่วประเทศ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นบริษัทที่สหกรณ์เป็นเจ้าของ ความเป็นมหาชนทำให้อานิสงค์เกิดขึ้น ทุกคนมีสิทธิออกปากออกเสียง ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นในการขับเคลื่อนบริษัท สิ่งที่เห็นคือความชัดเจนของการก้าวเดินในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานในสหกรณ์ ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มาก เพราะการที่สหกรณ์ยินยอมให้ใครเข้ามาจัดการร่วมกัน ถือเป็นเจตนารมณ์ว่ามีอะไรแอบแฝงหรือเปล่ามีความโปร่งใสหรือเปล่า ซึ่งศูนย์ประสานงานที่เกิดขึ้นได้แสดงความชัดเจนในเชิงนโยบาย และความโปร่งใสในการขับเคลื่อนบริษัท การกล้าตัดสินใจ ให้สมาชิกที่ทำธุรกิจร่วมกัน หรือว่าถือหุ้นร่วมกัน ให้มาแสดงความคิดความอ่านถือว่าเปิดเผย แสดงว่าพร้อมตรวจสอบ โดยหลักสหกรณ์ที่มีเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อสมาชิก พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ ในเรื่องความโปร่งใส และบริหารธุรกิจที่เป็นไปเพื่อสมาชิก เอื้อประโยชน์ต่อสมาชิกอย่างแท้จริง
“ผมคิดว่านั้นคือหลักสหกรณ์และถือเป็นหลักที่เกิดขึ้นจริงในโลกทุกวันนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงตลอดเวลา อันนี้เป็นที่น่าชื่นชมที่สหกรณ์ขานรับภาคธุรกิจ และเป็นนิมิตหมายที่ดีที่สหกรณ์จะได้มีทางเลือกอะไรใหม่ เข้ามาดูแลทางด้านเม็ดเงินของสมาชิก การที่จะทำให้ภาคสหกรณ์ขับเคลื่อนตามแนวทางของบริษัทสหประกันชีวิต จะต้องดู 2 ส่วนคือ ทำอย่างไรที่จะให้คณะกรรมการ ฝ่ายจัดการ และมวลสมาชิกเข้าถึงหลักคิดอย่างมีรูปแบบ และการเข้ามาดูแลในขณะที่เขาเจอวิกฤตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยธรรมชาติ ทุน รวมถึงการให้คำแนะนำปรึกษาต่างๆ ถ้าทำอย่างนี้ได้บริษัทสหประกันชีวิตก็จะเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชน คงต้องให้เวลากับขบวนการสหกรณ์แต่ผมเชื่อมั่นว่าเป็นบริษัทประกันชีวิตที่เดินด้วยขบวนการสหกรณ์จริงๆ และเป็นธุรกิจของคนสหกรณ์อย่างแท้จริง” นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล กล่าวปิดท้าย