นายพิชย์พิพรรธ ศรีตระกูลรักษ์ ประธานกรรมการบริษัท พันปี กรุ๊ป (ไทย ลาว กัมพูชา) จำกัด และประธานโครงการ “พัฒนาเกษตรแบบมีสัญญา” ตัวแทนประเทศไทย กล่าวว่า “ โครงการ “พัฒนาเกษตรแบบมีสัญญา” เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการค้า ระหว่าง สาธารณรัฐประชาชนจีน กับ ประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ ประเทศกัมพูชา โดยความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการพัฒนาทางก้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อก้าวสู่อาเซี่ยนในอนาคต อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังเป็นที่มาของโครงการนำร่องโครงการแรกในครั้งนี้ โดยโครงการ “พัฒนาเกษตรแบบมีสัญญา” ภายใต้มูลค่าทั้งหมด 5 แสนล้านบาท และนอกจากนี้ยังมีการจัดการด้านโลจิสติกส์ ร่วมกับบริษัท แฮนเดิล อินเตอร์ กรุ๊ป ( Handle Inter Group) ในการขนส่งสินค้าการเกษตรจากประเทศไทย ลาว และกัมพูชา ไปยังประเทศจีน สำหรับยางพารารอบแรกที่จะส่งออกกันอยู่ที่5 แสนตัน มูลค่ากว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐครับ”
นายลี หยง เชง ประธานกรรมการบริษัท ยูนาน ยุ่นหมงแมงกานิส กรุ๊ป ตัวแทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า “บริษัทของเราเป็นบริษัทอุตสาหกรรมอันดับสี่ของจีน ทำอุตสาหากรรมหลายอย่างทั้งทองแดง, ดีบุก, การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ, อสังหาริมทรัพย์, ยางพาราและสินค้าเกษตรอื่นๆ เรามีประสบการณ์และความพร้อมอย่างมาก และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำการค้าระหว่างประเทศกับรัฐบาลไทยผ่านบริษัทพันปี กรุ๊ป (ไทย ลาว กัมพูชา) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านการค้าการเกษตรและยังเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย โดยโครงการแรกทางรัฐบาลจีนได้ทำการลงสัญญาในโครงการ “พัฒนาเกษตรแบบมีสัญญา” เพื่อทำการค้าด้านยางพาราซื้อขายกันระหว่างประเทศ สำหรับรอบแรก 5 แสนตัน มูลค้ามากกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 1 ปี ซึ่งเป็นการซื้อขายยางพาราครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างการค้าของไทยและจีน”
นายสมชาย รุ่งบวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮนเดิล อินเตอร์ กรุ๊ป ( Handle Inter Group) ขนส่งครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทที่ธุรกิจส่งออกมากว่า 10 ปี มีพนักงานกว่า 300 คน และได้มาตรฐาน ISO 9001 มีตัวแทนผู้ค้าทุกมุมโลก รองรับการขนส่งในทุกๆ รูปแบบ ซึ่งบริษัทฯ เรามีศักยภาพในการเป็นตัวแทนส่งออกยางพาราระหว่างไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ ด้วยสินค้ารอบแรกที่กำลังจะเกิดขึ้นมากกว่า 5 แสนตัน ยางพาราจาก 3 ประเทศจะถูกส่งมายังประเทศไทยก่อน แล้วจะส่งออกไปสู่ประเทศจีนต่อไป”