นางสาว พรรณวดี โพธิหน่อทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารอาคาร — ที่พักอาศัย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นมา ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจบริหารโครงการที่พักอาศัย ในส่วนของต้นทุนอัตราค่าจ้างของพนักงานรักษาความปลอดภัยและพนักงานทำความสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งในประเภทโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านเดี่ยวและโครงการทาวน์เฮาส์ปรับสูงขึ้นประมาณ 40% ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่ออัตราการจัดเก็บค่าใช้จ่ายทรัพย์ส่วนกลาง หรือที่เรียกว่าค่าส่วนกลาง โดยการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ส่งผลให้หลายนิติบุคคลขอปรับลดในส่วนจำนวนการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยและพนักงานทำความสะอาดลง เพื่อไม่ให้กระทบกับการปรับขึ้นค่าส่วนกลาง ขณะที่บริษัทมองว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ตรงกับมาตรฐานการบริหารงานของบริษัท ทำให้จำเป็นต้องยกเลิกการบริหารในบางอาคารหรือบางโครงการไปบ้าง อย่างไรก็ตามบริษัทยืนยัน จะไม่มีการลดคนหรือลดมาตรฐานการบริหารงานลงอย่างแน่นอน ในฐานะที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทที่พัฒนาระบบงานตามมาตรฐานคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในงานบริการ
“พลัสฯ ให้ความสำคัญต่อมาตรฐานคุณภาพการบริการเป็นอย่างมาก นอกจากนี้บริษัทยังได้มุ่งมั่นฝึกอบรมพนักงานในรูปแบบใหม่ๆ รวมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยในอาคารที่อยู่อาศัย เพราะเราต้องการมอบบริการที่เป็นเลิศเหนือกว่าคู่แข่งและเกินกว่าความคาดหวังของลูกค้า เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจของบริษัทที่จะไม่แข่งขันด้านราคา แต่จะมอบบริการเหนือระดับที่สามารถมอบมูลค่าเพิ่มให้กับทั้งเจ้าของโครงการและผู้อยู่อาศัยในโครงการ” นางสาวพรรณวดี กล่าว
ด้านนายชาญ ศิริรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำในธุรกิจบริหารจัดการอาคาร ส่งผลกระทบในแง่ของต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นของอาคารโดยตรง แต่บริษัทฯ ได้หาแนวทางในการปรับลดผลกระทบให้กับเจ้าของอาคาร โดยการปรับกระบวนการทำงาน ช่วงเวลาทำงาน หรือขั้นตอนการทำงานใหม่ให้ส่งผลต่อภาพรวมของค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่ปรับขึ้นในครั้งนี้ให้มีผลกระทบกับค่าใช้จ่ายโดยรวมให้น้อยที่สุด และยังคงประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานที่ดีต่ออาคารและเจ้าของอาคารดังเช่นที่ผ่านมา
“จากความสำเร็จในการมอบบริการ ด้านการบริหารจัดการอาคารที่มีคุณภาพแก่ลูกค้ามาตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีทำให้เรามองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างเจาะลึกว่า หัวใจของการพัฒนาธุรกิจในด้านบริหารจัดการอาคารให้เติบโต คือ การมอบบริการอันเป็นเลิศในทุกมิติ โดยอาคารสำนักงานต่างๆ ล้วนต้องการแนวทางการจัดการที่แตกต่างกัน การบริหารต้องตอบสนองความต้องการ และความคาดหวังของผู้มีส่วนในอาคารเป็นสำคัญ เราจึงต้องศึกษาปัจจัยดังกล่าวอย่างเจาะลึก โดยต้อง รักษาคุณภาพการใช้งานของอาคารและงานบริการเฉกเช่นเดียวกับความพึงพอใจของผู้ใช้อาคาร เพื่อให้มั่นใจ ว่าการปฏิบัติงานอาคารทั้งหมดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถส่งมอบบริการที่มีคุณภาพในราคาที่ยอมรับได้” นายชาญ กล่าวสรุป
ล่าสุด บริษัทยังได้รับ “ใบรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001 : 2008 ด้านธุรกิจบริการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร และธุรกิจบริการบริหารจัดการอาคารเพื่อที่อยู่อาศัย” จากบริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทที่สามารถพัฒนา ระบบงานได้ตามมาตรฐานคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยนับเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้รับการประกันคุณภาพจากสถาบันดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในงานบริการ โดยให้ความสำคัญกับการทบทวนระบบบริหารคุณภาพ การตรวจสอบข้อบกพร่องต่างๆ ที่พบจากการปฏิบัติงาน การตรวจสอบระบบ Internal Audit และความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อนำมาวิเคราะห์และหาแนวทางในการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น
ใต้ภาพ : นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส (ที่ 2 จากซ้าย) บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารธุรกิจบริการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารและธุรกิจบริการบริหารจัดการอาคารเพื่อที่อยู่อาศัย ร่วมรับมอบใบรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001 : 2008 จาก นายประวาลทอง ทองใหญ่ ณ อยุธยา (กลาง) ผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด