ธนาคารกรุงเทพรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 8,084 ล้านบาท

จันทร์ ๒๓ เมษายน ๒๐๑๒ ๐๙:๐๔
กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.7

สินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7

ค่าใช้จ่ายลดลงร้อยละ 18.9

ธนาคารกรุงเทพรายงานผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยสำหรับไตรมาส 1 ปี 2555 มีกำไรสุทธิ 8,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,172 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.7 จากไตรมาสก่อน หรือเพิ่มขึ้น 1,615 ล้านบาท หรือร้อยละ 25.0 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2554

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวจากภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 และภาคธุรกิจยังคงมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาครัฐเริ่มมีความชัดเจนเรื่องแผนการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ”

จากภาพรวมแนวโน้มการลงทุนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนดังกล่าว รวมถึงความต้องการสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมและปรับปรุงกิจการที่ประสบอุทกภัยในช่วงไตรมาส 4 ประกอบกับการที่ธนาคารมีการติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้ในไตรมาส 1 ปี 2555 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 39,839 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.7 จากสิ้นปี 2554 หรือร้อยละ 15.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อรวมทั้งสิ้น 1,510,237 ล้านบาท ความต้องการสินเชื่อในไตรมาสแรกนี้มีทั้งเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเพื่อการลงทุนระยะยาว โดยมีความต้องการจากหลายภาคธุรกิจและจากทุกกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และเอสเอ็มอีขนาดกลาง

คุณภาพสินเชื่อยังคงเป็นปัจจัยที่ธนาคารให้ความสำคัญ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารมีจำนวน 42,895 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.6 ของเงินให้สินเชื่อ เทียบกับร้อยละ 2.7 ณ สิ้นปี 2554

ในไตรมาสนี้ธนาคารตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 1,534 ล้านบาท ลดลง 226 ล้านบาท จากไตรมาส 1 ปีก่อนหน้า และลดลง 5,512 ล้านบาท จากไตรมาส 4 ปี 2554 ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ธนาคารมีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 82,848 ล้านบาท และอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ร้อยละ 193.1

ในด้านสภาพคล่อง แม้ว่าการแข่งขันในการระดมเงินฝากยังคงมีอยู่ในระดับสูง แต่ธนาคารสามารถระดมเงินฝากเพิ่มขึ้น 57,635 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.6 จากปีก่อน เป็น 1,645,469 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 เงินฝากที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เครือข่ายสาขาที่ครอบคลุม และความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานกับลูกค้าธุรกิจและลูกค้าบุคคล

ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากลดลงจากร้อยละ 92.6 ณ สิ้นปี 2554 เป็นร้อยละ 91.8 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งการที่ธนาคารสามารถเพิ่มสภาพคล่องในภาวะที่ความต้องการสินเชื่อยังคงมีอย่างต่อเนื่องนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันของธนาคารในอนาคต

ด้านเงินกองทุน หากนับรวมกำไรสุทธิครึ่งหลังของปี 2554 และไตรมาสแรกของปี 2555 และหักด้วยเงินปันผลที่จะจ่ายในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ธนาคารจะมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นและเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 15.9 และร้อยละ 12.8 ตามลำดับ ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับการขยายการลงทุนของภาคธุรกิจในรอบนี้ ขณะเดียวกันเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุนของธนาคารแห่งประเทศไทยภายใต้เกณฑ์บาเซิล 3 ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2556

ไตรมาส 1 ปี 2555 ธนาคารมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการนำส่งเงินแก่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) และมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการเตรียมสภาพคล่องของธนาคาร ขณะที่ด้านรายได้ยังคงมีข้อจำกัดในด้านราคาอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาอุทกภัยในไตรมาส 4 ส่งผลให้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 647 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.7 และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารลดลงจากร้อยละ 2.81 เป็นร้อยละ 2.60 อย่างไรก็ตามธนาคารคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิจะมีการปรับตัวดีขึ้นตามภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

อย่างไรก็ตามรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง ถูกชดเชยด้วยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น 596 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.6 จากไตรมาสก่อน และรายได้รับจากเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น 665 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงาน 20,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากไตรมาส 4 ปี 2554

ค่าใช้จ่ายดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2555 มีจำนวน 8,523 ล้านบาท ลดลง 1,984 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.9 จากไตรมาสก่อน ส่วนมากจากค่าใช้จ่ายพนักงานลดลง 511 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.0 และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลดลง 1,583 ล้านบาท หรือร้อยละ 60.7 ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงจากร้อยละ 50.3 ในไตรมาสก่อน เป็นร้อยละ 40.8 ในไตรมาสนี้

ธนาคารมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 2,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,377 ล้านบาท หรือร้อยละ 204.6 จากไตรมาส 4 ปี 2554 เนื่องจากในไตรมาสก่อนธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่สามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้จำนวนสูง และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ธนาคารมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 264 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.8 เนื่องจากการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 23 ในปีนี้

“ในปีนี้ธนาคารมีความเชื่อมั่นว่าวงจรการลงทุนจะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง สภาพคล่องที่เพียงพอและเงินกองทุนที่แข็งแกร่งทำให้ธนาคารมีศักยภาพและความพร้อมที่จะเติบโตไปกับเศรษฐกิจในระดับประเทศและภูมิภาค” นายชาติศิริกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก