นายไมค์ แบทเชเลอร์ กรรมการผู้จัดการ โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ บริษัทในกลุ่มของโจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า “โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพฯ เพิ่งเปิดบริการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ โดยเจ้าของปัจจุบันได้ตั้งใจสร้างโรงแรมนี้ขึ้นเพื่อเสนอขายทันทีหลังโครงการเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งนับเป็นข้อดี เนื่องจากหากผู้ที่ต้องการลงทุนสร้างโรงแรมเอง โดยทั่วไป จะต้องใช้เวลานานกว่า 3 ปีในการวางแผนและการก่อสร้าง”
โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพฯ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามมาตรฐานสากล มีห้องพักจำนวน 297 ห้อง (รวมห้องสูท 7 ห้อง) ปัจจุบันบริหารโดยสตาร์วูด ทั้งนี้ อลอฟท์เป็นแบรนด์ใหม่ล่าสุดในกลุ่มโรงแรมที่บริหารโดยสตาร์วูด นอกเหนือจากแบรนด์อื่นๆ อาทิ ดับบลิว โฮเทลส์ โดยอลอฟท์ กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้ชื่อแบรนด์อลอฟท์
อลอฟท์ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในสุขุมวิทซอย 11 หนึ่งในทำเลศูนย์กลางของแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ และตั้งอยู่ตรงข้ามกับ เบด ซัปเปอร์คลับ ภัตตาคารและสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับโลก โรงแรมมีการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ และมีการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพประโยชน์การใช้สอย เพื่อให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนสูงสุด ภายในโรงแรมยังประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ภัตตาคารและบาร์สำหรับบริการอาหารและเครื่องดื่ม 3 จุด ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และสระว่ายน้ำ ในเร็วๆ นี้ จะมีการเปิดไนต์คลับเพิ่มในบริเวณชั้น 6 ของโรงแรม
นายการัณย์ คานิเยาว รองประธาน โจนส์ แลง ลาซาลล์โฮเทลส์ในประเทศไทย กล่าวว่า “โรงแรมขนาดใหญ่เช่นนี้ในทำเลยอดนิยมอย่างสุขุมวิทนับว่าหาได้ยากที่จะมีเสนอขาย นอกจากนี้ การประกาศขายโรงแรมในลักษณะที่เปิดเผยและโปร่งใสเช่นนี้ ยังเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นได้บ่อยมากนัก”
กระบวนการขายสำหรับโรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพฯ เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีนักลงทุนทั้งในประเทศไทยและจากทั่วภูมิภาคให้ความสนใจ
“การขายโรงแรมรายการใหญ่ในระดับใกล้เคียงกันที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ในปี 2554 คือโรงแรมโซฟิเทล สีลม ซึ่งขายไปในช่วงต้นปีที่แล้ว โดยมีโจนส์ แลง ลาซาลล์เป็นตัวแทนดำเนินการขาย สำหรับในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่ามีนักลงทุนจำนวนมากขึ้นที่แสดงความสนใจลงทุนซื้อโรงแรมในไทย โดยมีโรงแรมอื่นๆ อีกที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อขายในขณะนี้และคาดว่าจะสรุปได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” นายการัณย์กล่าว
บรรยากาศการลงทุนในตลาดการซื้อขายโรงแรมในไทยมีความคึกคักมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา สะท้อนให้เห็นถึงผลบวกจากการที่จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น และธุรกิจโรงแรมมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี 2554 มีจำนวนทั้งสิ้น 19.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 20% เฉพาะในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามามากถึง 12.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ราว 18%
สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวได้ประมาณการว่าในปี 2555 นี้ จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 20.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7.3% โดยคาดว่าจำนวนชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ จะเพิ่มขึ้น 5-8%
ทางด้านผลประกอบการ คาดว่าธุรกิจโรงแรมในไทยจะยังคงมีผลประกอบการที่ดี โดยรายงานล่าสุดจากสมิธ แทรเวล รีเสิร์ช (Smith Travel Research) ระบุว่า ณ เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โรงแรมในกลุ่มระดับสี่ดาวในกรุงเทพฯ มียอดการเข้าใช้บริการห้องพักเฉลี่ยที่ 76.2% และมีค่าบริการห้องพักเฉลี่ย 2,781 บาทต่อห้องต่อคืน
โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์คาดว่า ประเทศไทยจะยังคงเป็นตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว และจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
การัณย์ คานิเยาว 02 624 6400