นางสาวสมพิศ เจริญเกียรติกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงผลการจัดทำดัชนีธุรกิจกรุงไทย หรือ Krung Thai Business Index (KTBI) ประจำไตรมาสที่ 1/2555 ซึ่งเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของลูกค้านักธุรกิจทั่วประเทศ ในช่วงต้นเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน 2555 ว่าดัชนี KTBI อยู่ที่ระดับ 55.73 โดยดัชนีความเชื่อมั่นปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 55.22 เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.72 ในไตรมาสก่อน และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตอยู่ที่ระดับ 56.23 สูงกว่าความเชื่อมั่นปัจจุบัน แต่ลดลงจากระดับ 57.29 ในไตรมาสก่อน
“ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า นักธุรกิจเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจที่ขยายตัวดีขึ้น และยังคงขยายตัวต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ ทั้งการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โครงการบ้านหลังแรก และรถคันแรก การสนับสนุนสินเชื่อของภาคธนาคาร การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและโครงการก่อสร้างเพื่อซ่อมแซม-ฟื้นฟูส่วนที่เสียหายจากน้ำท่วม ตลอดจนการก่อสร้างในโครงการป้องกันน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม การขยายตัวไม่สูงเท่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากนักธุรกิจยังกังวลเรื่องต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งต้นทุนพลังงานและขนส่ง รวมทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ”
นางสาวสมพิศ กล่าวต่อไปว่า ต้นทุนพลังงานและขนส่ง เป็นผลจากปัจจัยภายนอก คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น จากสถานการณ์ความขัดแย้งของอิหร่านกับประเทศตะวันตก และปัจจัยภายใน คือ การปรับโครงสร้างราคา LPG และ NGV การทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทุกชนิด สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเริ่มแล้วใน 7 จังหวัดนำร่อง จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตโดยรวม เพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณร้อยละ 5 - 8
“สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ได้แก่ ธุรกิจการเงินและประกันภัย โดยผลประกอบการยังเติบโตดี เช่นเดียวกับธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของการก่อสร้างเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม และโครงการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของภาครัฐ นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า นักธุรกิจในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นสวนทางกับภูมิภาคอื่นอย่างชัดเจน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยน้อย และจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง จากการกระจายฐานการผลิต เพื่อลดผลกระทบของปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”