นายปิ่นชาย ปิ่นแก้ว ได้กล่าวว่า การจัดงานประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลได้เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยในปีแรกที่คณะกรรมการเชิดชูเกียรติเห็นว่าเพื่อให้รางวัลมีคุณค่าและผู้ได้รับรางวัลมีความภาคภูมิใจในการทำความดี จึงได้ขอประทานกราบทูล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า- โสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จมาประทานโล่เกียรติคุณและเข็มเชิดชูเกียรติ โดยได้แบ่งเป็น ๔ ประเภท ได้แก่ ๑) บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้ที่อยู่ในภาวะยากลำบาก จำนวน ๙ ราย อาทิ นางธีรกานต์ คำแก่น หรือ ครูจุ๋ม เป็นครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้กับเด็กด้อยโอกาส และเด็กเร่ร่อนในจังหวัดเชียงราย ,นายบุญเกียรติ โชควัฒนา นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีจิตใจโอบอ้อมอารี โดยสละทุนทรัพย์ส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก๒) องค์กรที่ทำคุณประคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้ที่อยู่ในภาวะยากลำบาก จำนวน ๔ องค์กร อาทิ สภาทนายความโดย คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้ซึ่งสัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้ผลัดถิ่น โดยได้ช่วยเหลือด้านคดีให้กับด.ช.หม่อง ทองดี และนายจอบิ ผู้ต้องหาคดียิงรถนักเรียน จ.ราชบุรี ๓) สื่อที่นำเสนอกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก จำนวน ๑๔ รายอาทิ รายการคบเด็ก...สร้างบ้าน สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง ๗, รายการคนไทยหัวใจไม่ท้อ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง ๕ , รายการวันนี้ที่รอคอย สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ,รายการคุยกับแพะ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ๔) บุคคลผู้อยู่ในภาวะยากลำบากที่สามารถดำรงชีวิตเป็นแบบอย่างควรแก่การยกย่องเชิดชูเกียรติ จำนวน ๘๔ ราย อาทิ นางกิม จักพล อายุ ๗๒ ปีไม่มีรายได้แต่จะไปช่วยเหลือทำความสะอาดให้กับโรงเรียน , นายฉลอง เขียวเปลื้อง อายุ ๘๑ ปี มีอาชีพถีบรถสามล้อ ตอนเย็นจะไปโบกรถให้เด็กนักเรียนข้ามถนน,นายสามารถ สุทะ เป็นครูอัตราจ้างอยู่โรงเรียนเรือนแพ จ.เชียงราย ขาดอุปกรณ์การเรียนมีครูเพียงคนเดียวต้องช่วยเหลือทั้งด้านอาหาร การเรียนการสอน
นายปิ่นชายฯ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นและผู้อยู่ในภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงานที่เป็นแบบอย่างที่ดีงามของผู้ได้รับการคัดเลือก สท. จึงได้จัดพิมพ์หนังสือเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก และผู้อยู่ในภาวะยากลำบากดีเด่นทุกปี