นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าโรคเอดส์ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของไทย ถึงแม้ไทยจะสามารถชะลอผู้ติดเชื้อรายใหม่ลงได้จากปีละนับแสนรายในช่วง 10 ปีก่อน เหลือปีละ 1 หมื่นกว่ารายในปี 2554 แต่สัญญาณอันตรายที่อาจทำให้เอดส์หวนกลับมาระบาดหนักในประเทศไทยได้อีก ก็คือการพบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว โดยเฉพาะโรคหนองใน ซึ่งจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อเอดส์ได้มากกว่าคนปกติได้ 2-9 เท่า และที่น่าเป็นห่วงก็คือกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ ที่นิยมใช้การมีเพศสัมพันธ์เป็นเหตุผลเพื่อการเข้ากลุ่มให้เป็นที่ยอมรับจากเพื่อนๆ และส่วนใหญ่ขาดการระมัดระวังป้องกัน หรือด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าการติดเชื้อโรคเอดส์จะมีมากเฉพาะในหญิงบริการเท่านั้น และคาดเดาเองว่าการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพื่อนหรือคนรู้จัก น่าจะปลอดภัย รวมทั้งการที่ไม่นิยมสวมถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ เพราะมีทัศนคติว่าหากรักจริงไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยาง ทัศนคติที่ไม่ถูกต้องต่อการใช้ถุงยางอนามัยนี้ เป็นตัวการสำคัญและทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น ทั้งๆที่ถุงยางอนามัยถือเป็นด่านแรกของการป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีที่สุด
ทั้งนี้จากข้อมูลการเฝ้าระวังพฤติกรรมทางเพศที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อโรคเอดส์รอบที่ 13 พ.ศ. 2550 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าวัยรุ่นชายระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีเพศสัมพันธ์แล้วร้อยละ 21 วัยรุ่นหญิงมีเพศสัมพันธ์แล้วร้อยละ 12.2 วัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปีมีอัตราป่วยด้วยโรคเอดส์สูงกว่าวัยรุ่นชายเป็น 2 เท่า และยังพบอีกว่านับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 อัตราการติดเชื้อโรคเอดส์ในกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ
เพื่อการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ส่งเสริมการมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อการใช้ถุงยางอนามัย และลดพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศในกลุ่มวัยรุ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้มอบเป็นนโยบายให้กรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ โดยได้ยกกรณีตัวอย่าง “ตุ๊กตาไล่เอดส์” ที่เกิดจากแนวคิดของน้องๆวัยใส ของโรงเรียนถาวรานุกูล จังหวัดสมุทรสงคราม ว่าเป็นรูปแบบหนึ่งซึ่งช่วยส่งเสริมการเข้าถึงถุงยางอนามัยได้โดยปราศจากอคติของวัยรุ่น ที่น่าให้การสนับสนุนอย่างยิ่ง
ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าการยอมรับที่จะใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ ยังไม่แพร่หลายมากนักในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือเยาวชนวัยรุ่นทั่วไป โดยพบว่าอัตราการใช้ถุงยางอนามัยมีไม่ถึงร้อยละ 50 เนื่องจากค่านิยมและความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัย เช่น การใช้ถุงยางอนามัยแสดงถึงความไม่เชื่อใจกัน ไม่ไว้ใจ ขัดขวางความรู้สึก หาซื้อไม่สะดวก และเวลาที่ไปซื้อผู้ขายชอบมองหน้า รู้สึกไม่ชอบ หรือพ่อ แม่ที่พบถุงยางอนามัยในกระเป๋าลูก คิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี แล้วไปดุด่าว่ากล่าว เป็นต้น และจากการสำรวจความรู้เรื่องโรคเอดส์ของเยาวชนไทยที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับทั่วโลก พบว่ามีเยาวชนชายเพียงร้อยละ 23 และเยาวชนหญิงร้อยละ 26 ที่ตอบได้อย่างถูกต้อง
สำหรับการป้องกันควบคุมโรคเอดส์ในกลุ่มเยาวชนตามที่ได้รับมอบนโยบายจากนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั้นกรมควบคุมโรคได้บูรณาการการทำงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องและได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายแกนนำด้านการป้องกันเอดส์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดอบรมเยาวชนแกนจัด ตั้งชมรม จัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ ส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนเรื่องเอดส์ เพศศึกษาที่รอบด้าน และสอนทักษะชีวิตทั้งในและนอกระบบการศึกษาทุกระดับ จัดระบบบริการที่เป็นมิตรแก่เยาวชน และที่สำคัญคือ การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ ทัศนคติที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ เพราะถ้าเยาวชนเข้าถึงและใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะช่วยให้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ ลดลงตามไปด้วย
ด้าน อ.ภัคสุภางค์ คชคีรี ครูชำนาญการอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมจิตอาสาป้องกันเอดส์ฯ โรงเรียนถาวรานุกูล จ.สมุทรสงคราม เล่าว่า เด็กๆในชมรมจิตอาสาป้องกันเอดส์ของโรงเรียนถาวรานุกูล ได้ทำสิ่งประดิษฐ์ ที่มีชื่อว่า “ตุ๊กตาไล่เอดส์”ขึ้น โดยนำถุงยางอนามัยมาใช้เป็นวัสดุสาธิตในการทำตุ๊กตา เป็นของที่ระลึก เป็นพวงกุญแจ และที่ห้อยต่างๆ เพื่อให้เยาวชนและคนในชุมชนเกิดทัศนคติที่ดีต่อถุงยางอนามัย ไม่กลัวที่จะสัมผัส จับต้อง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม โดยจุดมุ่งหมายเริ่มแรกของการประดิษฐ์ตุ๊กตาไล่เอดส์ ก็เพื่อนำไปใช้เป็นสื่อในกิจกรรมรณรงค์ในการออกบูธ ให้ความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์และการสาธิตการทำตุ๊กตา พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมงานสามารถร่วมประดิษฐ์ตุ๊กตากับเด็กๆได้ ในขณะที่จะมีการสอดแทรกความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ไปด้วย
โรงเรียนถาวรานุกูลได้เข้าร่วมโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ ภายใต้การสนับสนุนของโครงการกองทุนโลกเพื่อแก้ปัญหาเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย ผ่านกระทรวงสาธารณสุข และเป็นโรงเรียนแกนนำของสพฐ.ในการจัดการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษา ในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องให้กับนักเรียนในทุกระดับชั้นตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง เด็กๆที่มาร่วมกิจกรรมกับชมรมนอกจากจะได้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องของโรคเอดส์ แล้วยังมีจิตอาสาในการออกรณรงค์กิจกรรมและให้ความรู้ ซึ่งทางชมรมฯได้รับการสนับสนุนข้อมูลสถานการณ์เอดส์จากสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงครามและใช้ข้อมูลในการออกรณรงค์ในพื้นที่ทุกเดือน โดยจะมีแผนปฏิบัติการในการกำหนดจุดที่จะลงพื้นที่ และระยะเวลาในการรณรงค์ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วาเลนไทน์ ลอยกระทง ฯลฯ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆจะเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย ในการรณรงค์ก็จะมีแจกเอกสาร แผ่นพับ คัมภีร์ถุงยาง ออกแบบกล่องใส่ถุงยางใหม่ โดยทางโรงเรียนฯจะมีการอบรมสานต่อกิจกรรมนี้ให้กับเด็กๆในรุ่นต่อๆไป
กลุ่มเผยแพร่ สำนักงานเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค
โทรศัพท์: 0-2590-3862 / โทรสาร: 0-2590-3386