GBX คาดทองลงแตะ 1,520 ดอลล์/ออนซ์ แนะเปิดสถานะ Short โกลด์ ฟิวเจอร์ส ลดเสี่ยง

จันทร์ ๑๔ พฤษภาคม ๒๐๑๒ ๑๗:๕๑
บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯ ประเมินราคาทองอาจลงครั้งละ 20 ดอลลาร์ถึง 3 ครั้ง เชื่อต่ำสุด 1,520 ดอลล์/ออนซ์ ชี้คนเตรียมเข้าเล่นตามปัจจัยประชุม FOMC และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชี้ลงทุนแค่ 1 ใน 3 ของพอร์ตลงทุน ส่วนคนถือหากราคาเด้งถึง 1,600 ดอลลาร์ให้ขายออกก่อน แนะเปิดสถานะ Short โกลด์ ฟิวเอจร์สลดเสี่ยง

นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยถึงแนวโน้มของราคาทองคำที่ในขณะนี้ว่า ราคาทองคำในปัจจุบันเริ่มเข้าสู่สภาวะขาลง ซึ่งเป็นไปตามกลไกของดีมานด์ และซัพพลาย และที่ผ่านมาราคาที่เกิดขึ้นเป็นราคาเก็งกำไรมากกว่าการลงทุน ประกอบกับการซื้อขายยังปรับเปลี่ยนตามความกังวลและความต้องการของนักลงทุนได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือทางยูโรโซนที่ส่งผลต่อราคาทองคำโดยตรง

ดังนั้น นักลงทุนที่มีทองคำอยู่ในพอร์ตลงทุน หากราคาทองคำ(spot) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ แนะนำให้นักลงทุนขายออก เนื่องจากมีโอกาสที่ราคาจะปรับลดลง แต่ถ้าต้องการถือเพื่อไม่ต้องการขายขาดทุน ทางโกลเบล็กแนะนำควรป้องกันความเสี่ยงโดยการเปิดสถานะ Short ในโกลด์ ฟิวเจอร์สที่ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ เพื่อไม่ให้เสียโอกาส ในภาวะ sideway down

สำหรับผู้ที่ต้องการใช้จังหวะการปรับตัวลดลงของราคาเข้าซื้อเพื่อลงทุน หรือเก็งกำไร ควรจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนเพียง 1 ใน 3 ของพอร์ต โดยคาดการณ์ว่าราคาทองจะมีการปรับตัวลดลงครั้งละ 20 ดอลลาร์ประมาณ 2-3 ครั้ง โดยน่าจะลงมาแตะที่ระดับ 1,540 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 22,830 บาท/บาททอง และอาจลงไปที่ต่ำสุดที่ 1,520 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ หรือ 22,530 บาท/บาททอง (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์ )

อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าซื้อนักลงทุนควรติดตามปัจจัยต่างๆ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ซึ่งทางโกลเบล็กคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากจะเข้าสู่สถานการณ์การเลือกตั้งของสหรัฐฯจึงจำเป็นต้องให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจออกมาดี เพื่อรักษาฐานเสียงไว้ และน่าจะส่งผลต่อราคาทองคำในทางบวก เช่นเดียวกับปัจจัยเรื่องการประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานและยอดค้าปลีกพื้นฐานสหรัฐฯที่จะส่งผลต่อราคาทองคำเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ควรจับตาผลการประมูลบอนด์อิตาลี โดยหากผลตอบแทน(Yield) ต่ำแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการซื้อเข้ามาจากการเข้าซื้อของนักลงทุน กลับกันหาก Yield สูง แสดงให้เห็นความเสี่ยงของการลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจของยุโรปยังมีปัญหา และจะส่งผลต่อราคาทองให้ปรับตัวลดลงอีกได้

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการประชุม FOMC และตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานและยอดค้าปลีกพื้นฐานสหรัฐฯ ตลอดจนการประมูลบอนด์อิตาลีแล้ว นักลงทุนควรติดตามปัจจัยดัชนีภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี ZEW, ยอดสร้างบ้านใหม่และยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมาทั้งสัปดาห์ ทั้งนี้ ทางโกลเบล็กมองกรอบการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ 1,540-1,620 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 22,800-23,920บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์ ) หากราคาไม่หลุด 1,560 ดอลลาร์ หรือ 23,120 บาท/บาททองคำ ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,710 บาท/บาททองคำ แต่หากหลุดแนวรับที่ 1,560 ดอลลาร์/ออนซ์ มีแนวรับต่อไปที่ 1,540 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 22,800 บาท/บาททองคำได้

สำหรับราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาทองคำอยู่ที่ 1,579.44ดอลลาร์/ออนซ์ (ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 24.00น.) ปรับตัวลดลงประมาณ 60 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 3.66% โดยทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,639.79 ดอลลาร์/ออนซ์ และทำจุดต่ำสุดไว้ที่ 1,579.44 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ตลอดวันแรกของสัปดาห์ แต่ต่อมาราคาทองคำปรับตังลงถึง 33 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเกี่ยวกับการเมืองของกรีซและฝรั่งเศสที่มีการเลือกตั้งใหม่โดยผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศสไม่เห็นด้วยกับมาตรการรัดเข็มขัดและเสนอให้เยอรมนีใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแทน

นอกจากนี้ ยังกังวลเรื่องที่พรรคการเมืองกรีซไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เนื่องจากฐานเสียงไม่เพียงพอทำให้อาจได้รับเงินช่วยเหลือจาก EU ล่าช้าและอาจเกิดการขาดสภาพคล่องภายในปลายเดือนนี้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างหันไปเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำจึงถูกเทขายออกมา แต่ราคาทองคำ rebound กลับมาได้ในช่วยปลายสัปดาห์จากกรีซที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุน ESFS จำนวน 5.2 พันล้านยูโรถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก็ตาม ส่วนทาง เจพีมอร์แกน เชสเปิดเผยผลขาดทุนจากธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบริษัทดังกล่าวถือเป็นผู้ค้าทองคำแท่งรายใหญ่ทำให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลง ทุนในทองคำ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO