นายถกล ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) (KBS) เปิดเผยถึงผลการดำเนินการในปีนี้ว่า ขณะนี้โรงงานฯ ได้ปิดหีบแล้วและกำลังเข้าสู่ฤดูละลาย โดยนำน้ำตาลดิบมาละลายเป็นน้ำตาลทรายขาว รีไฟน์ต่อไป สำหรับปีการผลิต 2554/2555 บริษัทฯ มีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 2.5 ล้านตัน ลดลงประมาณ 300,000 ตัน อันเนื่องจากปัญหา คุณภาพอ้อยที่เป็นอ้อยตอ 2 ปริมาณตันต่อไร่ลดลง และ ปัญหาเครื่องจักรเดินไม่สม่ำเสมอในช่วงต้นฤดูหีบ อันเนื่องจากผู้ผลิตเครื่องจักรส่งให้โรงงานฯ ติดปัญหาน้ำท่วมทำให้ส่งเครื่องจักรล่าช้า ถึงแม้ปริมาณอ้อยในปีนี้ลดลง ก็มิได้ส่งผลต่อรายได้รวมของบริษัทฯแต่อย่างได เนื่องจากได้ทำราคาขายไว้ล่วงหน้าแล้ว 100 % ตั้งแต่ปี 2554
ขณะนี้ โรงงานฯสามารถปรับปรุงเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และจะส่งผลอย่างเด่นชัดในปีการผลิต 2555/2556 โดยจะสามารถรองรับปริมาณอ้อยเข้าหีบอย่างเพียงพอ และ KBS ได้เตรียมตัวเรื่องวัตถุดิบอ้อยเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยวางกลยุทธ์เกี่ยวกับการสร้างอ้อยในเขตเพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง ส่งเสริมการปลูก การบำรุงอ้อย เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี และเกษตรกรได้ผลตอบแทนที่ดีต่อไป
เขากล่าวต่อถึงเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตร “รถตัดอ้อย” เบื้องต้นได้ทดลองสำเร็จแล้ว และบริษัทฯกำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะมาร่วมทำรถตัดอ้อยร่วมกันในเชิงพาณิชย์ ส่วนโครงการขยายพันธุ์อ้อย Breading ประสบความสำเร็จดี โดยสามารถผสมพันธุ์อ้อยที่ดี ให้ผลตอบแทนสูง ทนแล้ง และที่สำคัญ เหมาะสมกับพื้นที่ของภาคอีสานตอนล่าง
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำตาล ยังมีทิศทางที่ดีโดยประเมินว่าปี 2556 ราคาน้ำตาลยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 22-25 เซ็นต์ต่อปอนด์ต่อไปได้อีก ในด้านการแข่งขันไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลสำหรับ KBS เนื่องจากได้มีการขายล่วงหน้าและทำสัญญาแล้วกว่า 40% และราคาไม่ต่ำกว่า บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด (อนท.)
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 1/2555 ของ KBS สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 ว่ามีกำไรสุทธิ 309.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.25% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2554 ที่มีกำไรสุทธิ 235.53 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการของ KBS ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องเป็นผลมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า และ ภาษีเงินได้นิติบุคคลลดอัตราลงจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 23