กลุ่มบริษัทพรรณธิอรเป็นหนึ่งในห้ากลุ่มธุรกิจหลักของทีซีซี กรุ๊ป ที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การเพาะปลูก การแปรรูปเบื้องต้น อุตสาหกรรม การค้าการตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของภาคการเกษตรซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ที่เมื่อนำระบบการบริหารจัดการ ประกอบกับเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมมาใช้ ก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตรทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพได้
นายปณตกล่าวว่า “กลุ่มบริษัทพรรณธิอรมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรในพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน 7 ชนิด ได้แก่ อ้อย ยางพารา ข้าว สับปะรด มันสำปะหลัง กาแฟ และปาล์มน้ำมัน โดยตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาพืชเศรษฐกิจทั้ง 7 ชนิด ของกลุ่มบริษัทพรรณธิอรนั้น เริ่มตั้งแต่การพัฒนาจัดรูปที่ดิน การวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์พืชให้มีความเหมาะสมทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณผลผลิต การเพาะปลูกที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับสภาพแวดล้อม ระบบการบริหารจัดการแปลงปลูกซึ่งจะมีความแตกต่างกันตามแต่ประเภทของพืช รวมไปถึงการเก็บเกี่ยวที่นำเครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมกลุ่มบริษัทพรรณธิอรมีโรงงานแปรรูปเพื่อรองรับผลผลิตทางการเกษตรโดยโรงงานก็ได้มีการนำเครื่องจักรอุปกรณ์ การบริหารจัดการ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้”
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทพรรณธิอรแบ่งธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจน้ำตาล เอทานอล และไบโอเอนเนอยี่ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร และกลุ่มธุรกิจปุ๋ย ผลิตปุ๋ยเคมีคุณภาพตรามงกุฏ และเพื่อให้อุตสาหกรรมการเกษตรของกลุ่มพรรณธิอรครบวงจร จึงได้จัดตั้งบริษัทดำเนินธุรกิจการค้าโภคภัณฑ์ขึ้น เพื่อศึกษา วิจัยตลาด และทำการค้าขายสินค้าเกษตรทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ นอกจากนี้ได้มีการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศในแถบอินโดจีน ทั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศกัมพูชา ซึ่งทางกลุ่มฯ ทำการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจในลักษณะแปลงปลูกขนาดใหญ่ ใช้เครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย หรือ Mechanized Farming ได้อย่างเต็มรูปแบบ
“กลุ่มบริษัทพรรณธิอรเชื่อว่า ในอนาคตสินค้าเกษตรจะมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในเวทีระดับโลก เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับคนทั้งโลกแล้ว ยังสามารถนำไปพัฒนาเป็นแหล่งพลังงานได้อีกด้วย กลุ่มบริษัทพรรณธิอรหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาศักภาพ และบทบาทของภาคการเกษตรอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้มีความมั่นคง ยั่งยืน และมีส่วนช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ของประเทศต่อไป” นายปณตกล่าวสรุป