นายทวี จุลศักดิ์ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแพค อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัดหรือ DPAC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ ฟิล์มและถุงพลาสติก รายใหญ่ของประเทศ ภายใต้แบรนด์ ‘HERO’ และ ‘D’ เปิดเผยว่า บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2550 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อต้องการสร้างแบรนด์ ให้คนไทยรู้จักผลิตภัณฑ์พลาสติก และได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพทัดเทียมกับสินค้านำเข้าภายใต้ราคาที่ไม่แพงเกินไป คุณภาพน่าเชื่อถือ เข้าถึงความต้องการผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ทั้งนี้จุดเด่นของสินค้าคือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม (Innovation) เช่น ถุงขยะที่ใส่สารแอนตี้ แบคทีเรีย เพื่อใส่อาหารที่เน่าบูด หรือถุงพลาสติกผสมมะนาวเพื่อลดกลิ่นเหม็น ถุงพลาสติกที่ใส่ฟิล์มไว้สองชั้นเพื่อให้มีความเหนียวแน่นสามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น เป็นต้น รวมถึงเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่นสินค้าทั่วไปจะสามารถใช้งานได้เพียงอย่างเดียว อย่างถุงซิป ถุงบรรจุอาหาร แต่ของดีแพคสามารถใช้งานได้หลากหลายและเอนกประสงค์มากกว่า
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังมีจุดเด่นที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมคือสามารถย่อยสลายได้อย่างรวดเร็วภายในสิบปีซึ่งต่างจากถุงพลาสติกทั่วไปที่ต้องใช้เป็นร้อยปีในการย่อยสลาย รวมถึงขั้นตอนการผลิตก็สามารถลดการใช้วัตถุดิบที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าการใช้ถุงกระดาษซึ่งต้องตัดต้นไม้เสียอีก
ปัจจุบันเราพัฒนาขึ้นมาสองแบรนด์คือ Hero เป็นสินค้าเกรดพรีเมียมจับกลุ่มคนในเมืองระดับเอ บี และแบรนด์ดี เป็นถุงหูหิ้วฉีกใช้ได้ทีละใบเน้นจับกลุ่มแมส ทั้งสองแบรนด์เป็นสินค้าที่ใช้งานทั่วไปภายในบ้านหรือ Household Product โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ทำการตลาดในประเทศสักระยะแล้ว และหลังจากบริษัท จะหันมารุกตลาดอาเซียนอย่างจริงจังควบคู่กันด้วยเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
“เรามีเป้าหมายใหญ่ว่าจะขึ้นเป็นที่หนึ่งของอาเซียนให้ได้ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าไม่ใช้เรื่องยาก แต่การจะคิดค้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อออกมาตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค นับเป็นเรื่องที่ยากกว่า เพราะไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งเราได้ยึดเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทฯ” นายทวี กล่าว
โดย นายเมธี อธิจิตสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแพค อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ทำให้ตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนจะน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และนับเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทย เพราะแนวโน้มการใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ ในภูมิภาคถือว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะทำให้เกิดการใช้งานถุงบรรจุภัณฑ์มากขึ้นรวมถึงตลาดที่กว้างขึ้น ที่สำคัญคือประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมเนื่องจากอยู่ตรงกลางของภูมิภาคทำให้สามารถกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ได้สะดวกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศที่เป็นคู่แข่งอย่างมาเลเซียและเวียดนาม
ในส่วนของบริษัทฯ ได้เริ่มทำการตลาดในประเทศพม่า ลาวและกัมพูชา โดยการตั้งพันธมิตรในท้องถิ่นตัวแทนจำหน่ายบ้างแล้วนับตั้งแต่สามปีที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากเดิมมียอดขายต่อเดือน 2 ล้านบาท และในปีที่ผ่านมียอดขายถึง 10 ล้านบาทต่อเดือนแล้ว โดยสินค้าที่ขายดี 70-80% เป็นถุงหูหิ้วแบรนด์’D’ ส่วนที่เหลือเป็นถุงเอนกประสงค์อื่นๆ
“หลังจากนี้เราจะบุกตลาดอาเซียนอย่างจริงจังจากเมื่อสามปีก่อนที่เข้าไปเปิดตลาดด้วยการการตั้งพันธมิตรท้องถิ่นให้เป็นผู้ทำการตลาดเฉพาะแบรนด์ของบริษัทฯ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศพม่าและในช่วงที่เหลือของปีนี้ และปีหน้า เราคาดว่าจะมีความร่วมมือกับพันธมิตรในลักษณะเดียวกันในประเทศลาว ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศสิงคโปร์ต่อไป นอกจากนี้เรายังศึกษาแนวทางการเข้าไปตั้งออฟฟิศในแต่ละประเทศด้วย” นายเมธี กล่าวปิดท้าย