นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุน “ตลาดหุ้นร่วมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” กล่าวในพิธีมอบเงินสนับสนุนแก่โรงเรียน 59 แห่งในโครงการ “ คืนโรงเรียนให้ลูกหลาน สานสัมพันธ์ชุมชน” ในวันนี้ว่า นับจากเกิดมหาอุทกภัยขึ้นเมื่อปี 2554 หน่วยงานในตลาดทุนซึ่งประกอบด้วย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และสมาคมนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ได้รช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ในระยะของการฟื้นฟูสาธารณสถาน และสร้างความยั่งยืนร่วมกับชุมชน
“หลังจากที่กองทุนฯ ได้ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน ร่วมกับองค์กร และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและนอกตลาดทุน เพื่อมุ่งบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยสามารถดำรงชีวิตและผ่านพ้นอุปสรรคในขณะนั้นไปได้แล้ว ระยะต่อมาคือการฟื้นฟูและการสร้างความยั่งยืน โดยนอกเหนือจากบ้านเรือนประชาชน สถานีตำรวจ และสาธารณสถานต่าง ๆ แล้ว คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นว่า มีโรงเรียนจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ได้รับจากภาครัฐ จึงได้ขอรับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. เพื่อคัดเลือกโรงเรียนที่จะร่วมโครงการฯ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี” นายสมพลกล่าว
การทำงานของโครงการ “คืนโรงเรียนให้ลูกหลาน สานสัมพันธ์ชุมชน” มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนที่เป็นศูนย์พักพิงของชุมชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ และเป็นศูนย์กลางกิจกรรมของชุมชนในยามปกติ โดยสนับสนุนทั้งงบประมาณและการให้คำแนะนำเพื่อร่วมฟื้นฟูโรงเรียนกับชุมชนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมอันจะทำให้การฟื้นฟูโรงเรียนมีความยั่งยืน โดยการฟื้นฟูโรงเรียน มีทั้งการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา ห้องสมุด โรงอาหาร อาคารเอนกประสงค์ ที่สนับสนุนการสร้างห้องน้ำบนอาคาร เพื่อให้สามารถใช้เป็นศูนย์พักพิงได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้ง อุปกรณ์การเรียนการสอน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เพื่อเสริมทักษะ เป็นต้น
“โรงเรียนเป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างมากในการสร้างคุณภาพเยาวชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นกล้าที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของประเทศ การทำให้โรงเรียนกลับมาเปิดการเรียนการสอนได้ โดยมีสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน ได้แก่ อาคารเรียน โต๊ะเก้าอี้ และอุปกรณ์การเรียน พร้อมกับ การเสริมอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมทักษะและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ล้วนเป็นการสร้างเสริมคุณภาพที่ดีของสังคมไทย ที่สำคัญ ยังเป็นกำลังใจให้กับครู ที่จะได้มีแรงผลักดันในการเพิ่มคุณภาพการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในที่สุดจะส่งผลดีกับต้นกล้าทุกต้นของเรา” นายสมพลกล่าว
โครงการ “คืนโรงเรียนให้ลูกหลาน สานสัมพันธ์ชุมชน” นอกจาก จะฟื้นฟูโรงเรียนให้กลับมาเปิดการเรียนการสอนได้แล้ว ยังเน้นการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว โดยการสร้างการมีส่วนร่วมให้ชุมชนเข้ามาร่วมซ่อมแซมและฟื้นฟูโรงเรียนให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี และเป็นประโยชน์แก่พี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนได้อาศัยเป็นที่พักพิง ในยามฉุกเฉิน หรือประสบภัยพิบัติ
“ความร่วมมือของภาคตลาดทุนครั้งนี้ เป็นต้นแบบการรวมพลังเพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่และเกื้อกูลกันในทุกภาคส่วน เราได้เห็นน้ำใจที่น่าชื่นชมจากหน่วยงานในตลาดทุน และความทุ่มเทของผู้บริหารจากหลายองค์กร ซึ่งมีทั้งผู้นำสูงสุดขององค์กร และนายกสมาคมในตลาดทุนทุกแห่ง ตลอดกว่า 6 เดือนที่ผ่านมาภายใต้การทำงานของ กองทุน “ตลาดหุ้นร่วมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” ซึ่งทำให้มั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอุบัติภัยขึ้นอีกเมื่อใด ความร่วมมือของหน่วยงานในตลาดทุน และความเข้มแข็งของโรงเรียนและชุมชนที่เราร่วมกันทำงานในครั้งนี้ จะช่วยเหลือให้ประชาชนพี่น้องชาวไทย ผ่านพ้นปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี” นายสมพลกล่าวสรุป
ทั้งนี้ โรงเรียนทั่วประเทศที่ได้รับการฟื้นฟูภายใต้ โครงการ “คืนโรงเรียนให้ลูกหลาน สานสัมพันธ์ชุมชน” ประกอบไปด้วยโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน “ตลาดหุ้นร่วมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” รวม 59 โรงเรียน รวมเป็นเงินประมาณ 90 ล้านบาท และอีก 16 โรงเรียน ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จาก โครงการ “วตท. ร่วมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” ในวงเงินประมาณ 30 ล้านบาท รวมแล้วเป็นงบประมาณกว่า 120 ล้านบาท